ข้อความต้นฉบับในหน้า
มาณพจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าอยากได้ดวงอาทิตย์
และดวงจันทร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏเห็นอยู่ แต่ท่าน
กลับต้องการในสิ่งที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
ระหว่างท่านกับข้าพเจ้าใครโง่เขลากว่ากันเล่า”
พราหมณ์ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส ได้นิมนต์พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์เพื่อถวาย
ภัตตาหารในวันรุ่งขึ้นตามคำแนะนำของเทพบุตร
ลูกชาย
เมื่อพระบรมศาสดาฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว
แล้วจึงบอกพราหมณ์ให้รู้ว่าตนคือมัฏฐกุณฑลี เมื่อ
จึงได้ทูลถามพระบรมศาสดาว่า “จริงหรือที่บุคคล
ตายแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ ด้วยบุญที่ทำใจให้
เลื่อมใสในพระบรมศาสดา จึงแนะนำพราหมณ์ให้
ไม่เคยทำบุญมาเลยตลอดชีวิต แต่เพียงแค่ทำจิต
ถวายทานแด่พระพุทธองค์
ให้เลื่อมใสในพระพุทธองค์ตอนใกล้ตายเท่านั้น
เมื่อตายแล้วได้ไปเสวยทิพพสมบัติบนสวรรค์”
พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า “พราหมณ์ท่านถาม
เรื่องนี้กับเราทำไม ในเมื่อมัฏฐกุณฑลี ได้บอก
ความจริงทั้งหมดแก่ท่านแล้วมิใช่หรือ” จากนั้น
ทรงอธิษฐานให้มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรมาปรากฏกาย
ยืนยันถึงผลบุญพร้อมทั้งวิมาน แล้วทรงแสดงธรรม
เมื่อจบพระธรรมเทศนา มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรและ
พราหมณ์บรรลุโสดาบัน ส่วนมหาชนทั้งหลายมี
ดวงตาเห็นธรรมโดยถ้วนหน้า
อานิสงส์ที่เกิดจากการทำใจให้เลื่อมใสในพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เพียงอย่างเดียว ยังส่งผลมาก
ถึงเพียงนี้ แล้วการมาสร้างองค์พระซึ่งเป็นรูปกาย
ของพระพุทธองค์ด้วยใจที่เลื่อมใส จะได้บุญมาก
เพียงไร ไม่ต้องพูดถึงล่ะ จึงขอเชิญชวนท่านผู้มีบุญ
มาสร้างพระธรรมกายประจำตัวเพื่อประดิษฐาน
ภายในมหาธรรมกายเจดีย์โดยพร้อมเพรียงกัน
ใน e ๔๑