การทำงานเป็นทีมและการปรับนิสัยในองค์กร วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กรกฏาคม พ.ศ.2548 หน้า 55
หน้าที่ 55 / 96

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เสนอแนวทางในการทำงานเป็นทีมและการปรับนิสัยของบุคคลในองค์กร โดยใช้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการกระทบกระทั่งระหว่างผู้ร่วมทำงาน เน้นถึงนิสัยที่ก่อให้เกิดปัญหา เช่น การเอาเปรียบ การพูดจาไม่ดี การไม่มีน้ำใจ และการไม่รับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับการเป็นนักให้และการมีน้ำใจในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผลิตผลงานที่ดีและสร้างความสำเร็จร่วมกัน

หัวข้อประเด็น

-การทำงานเป็นทีม
-ปัญหาที่เกิดในการทำงาน
-นิสัยที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
-การปรับนิสัยในมนุษย์
-คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทํางาน 2 หลวงพ่อตอบปัญหา พระภาวนาวิริยคุณ ๒. อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือในการ ๓. สถานที่ทำงาน ๔. เวลาสำหรับการทำงาน ทั้ง ๔ เรื่องนี้ มักจะก่อให้เกิดปัญหาใน การทำงานเสมอ แต่ว่าพอถึงเวลาทำงานเข้า จริงๆ เมื่อได้ทำไป ศึกษาไป ไม่ช้าก็จะค่อยๆ แก้ไขได้เป็นลำดับๆ ไป ส่วนในการทำงานเป็นทีมนั้น แม้ความรู้ ความเข้าใจในงานก็มี อุปกรณ์ก็มี สถานที่ก็ดี เวลาในการทำงานก็มีพอสมควร ไม่ถึงกับบีบรัด จนเกินไปนัก แต่ปรากฏว่า ปัญหาที่มักจะหนี ไม่พ้นก็คือ การกระทบกระทั่งระหว่างผู้ที่ร่วม ทํางานด้วยกัน ถ้ากระทบกระทั่งกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือกระทบกระทั่งกันเพราะการขาดแคลนใน ๔ เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น การกระทบกระทั่งนั้น จะ ไม่หนักหนาจนเกินไปนัก ทำงานต่อไปสักพักก็ สามารถแก้ไขได้ แต่ที่แก้ไขได้ยากกลับอยู่ที่นิสัย ของคน นิสัยที่ทำให้คนเราเกิดการกระทบกระทั่ง กัน จนกระทั่งทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่ได้ หรือ บางครั้งถึงกับแตกกันไปเลยก็มี ได้แก่ ๑. นิสัยชอบเอาเปรียบคนอื่น คือ พอ ทำงานร่วมกันหลายๆ คนเข้า ก็เริ่มมีการ เอาเปรียบกันเอง จนกลายเป็นที่มาแห่งการ เกี่ยงงาน การแย่งชิงผลประโยชน์กัน ๒. นิสัยปากเสีย ในหลายๆ แห่ง แม้ไม่มี การเกี่ยงงาน แต่ก็ยังไม่วายกระทบกระทั่งกัน สาเหตุก็คือมีคนปากเสียอยู่ในที่ทำงานนั้น คือขอ ให้ได้พูดกระแนะกระแหน พูดยุให้รำตำให้รั่ว พูด ข่ม พูดค่อนขอดชาวบ้านเขาสักหน่อยเถอะ ๓. นิสัยแล้งน้ำใจ บางทีอะไรก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าผู้คนช่างแล้งน้ำใจเหลือเกิน เวลาใคร ติดขัดขึ้นมาก็ไม่ช่วยเหลือกัน นอกจากไม่ช่วยแล้ว บางทียังซ้ำเติมกันเสียอีก ๔. นิสัยไม่มีความรับผิดชอบ ในที่ทำงาน บางแห่ง แย่งชิงผลประโยชน์กันจนกระทั่ง มี การแทงกันข้างหลัง มีการปัดความรับผิดชอบ เช่น เวลางานที่ทำเป็นเค้าเป็นโครงขึ้นมา มีทีท่าว่าจะ เป็นผลสำเร็จแล้ว ต่างคนต่างก็เสนอหน้าเข้ามา จะมาเอาความดีความชอบ ว่าฉันเป็นคนทํางาน นั้นเอง แต่พอรู้ตัวว่า งานที่กำลังทำอยู่นั้น อาจ จะมีความผิดพลาด หรือมีทีท่าว่าจะเกิดความ เสียหายขึ้นมา ต่างคนต่างโดดผางออกไป รีบปัด ความรับผิดชอบของตัวเอง ไปให้คนอื่นทันที ทั้งที่เมื่อวานบอกว่า ฉันเป็นคนทำเอง แต่วันนี้ กลับปัดไปให้คนอื่นเสียแล้ว เพราะมีแววว่าจะ เกิดความเสียหาย จนกลายเป็นการแทงกันข้าง หลังก็มี สิ่งเหล่านี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงมองทะลุปรุโปร่ง จึงได้ทรงสอนเอาไว้ว่า ใน การที่จะทำงานเป็นทีมนั้น ก่อนอื่นต้องปรับนิสัย ของคนในทีมงานให้ได้เสียก่อน คนที่จะมาทำงานร่วมกันเป็นทีมได้นั้น เขาจะต้องเป็นนักให้ คือ ๑. ให้วัตถุสิ่งของ คือ มีข้าวมีของอะไร ก็ แบ่งปันกันให้ถ้วนหน้า ที่พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า “ทาน” นั่นเอง ๒. ให้คำพูดดีๆ คำพูดที่เพราะๆ คือ พูด ให้กำลังใจคนเป็น คำพูดประเภททอนน้ำใจกัน ต้องอย่าให้มี การให้อย่างนี้ไม่ต้องลงทุนลงแรง อะไรเลย แต่ว่ามีผลดีเกิดขึ้นมากมาย
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More