ข้อความต้นฉบับในหน้า
2 หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
คืนมาดีเหมือนเดิม เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องหาทาง
ที่จะทำให้เล่นพนันได้ทุกครั้ง ก็เลยไปคบคนชั่ว
เป็นมิตร
พูดง่ายๆ ก็คือ ตั้งกลุ่มมาเฟียขึ้นมา โดย
การเอาคนชั่วทั้งหลายมารวมกลุ่มกัน เพื่อจะได้
ช่วยกันหาเงินให้ได้มากๆ ทำให้มีรายได้ที่เป็น
กอบเป็นกำขึ้นมา จะได้ชดเชยเศรษฐกิจได้อย่าง
รวดเร็ว แต่ไม่ได้คำนึงว่าจะได้เงินนั้นมาจากทางใด
5. ความเกียจคร้านทำการงาน
เมื่อเอาคนชั่วมาอยู่รวมกันมากๆ ความ
เกียจคร้านในการทำมาหากินก็จะเกิดขึ้น แต่เมื่อ
ยังต้องกิน ต้องใช้ ก็เลยไม่ขี้เกียจที่จะทำความชั่ว
เพื่อจะได้มีเงินมากิน มาใช้ถล่มทลายในวงการ
อบายมุขมากๆ
นี่คือวงจรอุบาทว์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ของอบายมุขทั้ง 5 ประการ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรง
ตระหนักดีว่า ความฉิบหายของเศรษฐกิจ ไม่ว่า
จะเป็นเศรษฐกิจส่วนตัว หรือเศรษฐกิจของชาว
โลกก็ตาม ล้วนเริ่มมาจากอบายมุขทั้งสิ้น โดย
ขั้นตอนแรกทำให้เผลอสติ สิ่งที่ทำให้เผลอสติก็คือ
વૃ
สุราและยาเสพติด
เพราะฉะนั้น การจะทำลายวงจรอุบาทว์
ของอบายมุข ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการห้ามเสพ
สุรายาเมา และสิ่งเสพติดทุกชนิด ซึ่งตรงนี้ถือว่า
เป็นหัวใจสำคัญ
เมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอยากจะเห็นดัชนีทาง
เศรษฐกิจที่สูงขึ้น มีเศรษฐกิจดี แต่บ้านเมือง
ต้องวุ่นวาย เพราะมีแต่คนเลวๆ ที่ตายแล้วก็ยัง
ต้องไปนรกได้รับความทุกข์ทรมานกันอีกมากมาย
ก็ให้เอาธุรกิจที่เป็นอบายมุขเข้าตลาดหลักทรัพย์
แต่ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจจะดีได้ โดยไม่ต้อง
ทำให้คนเลว และคนทั้งชาติ ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน
พ่อแม่ หรือลูกหลานของเรา เป็นคนดี ก็ตัด
อบายมุขทั้ง 5 ประการนั้นทิ้งไปให้หมด แล้วมา
ช่วยกันตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินแทน
แม้ในปัจจุบัน เศรษฐกิจของประเทศไทย
อาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าถ้าจิตใจของคนในชาติ
ดีงาม บ้านเมืองก็สงบสุข และยังมีโอกาสที่
เศรษฐกิจจะเจริญมาขึ้นได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจดีกว่า
นี้ แล้วศีลธรรมกลับแย่ลง บ้านเมืองของเราคง
อยู่ไม่ได้แน่นอน
เพราะฉะนั้น ท่านที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ
เศรษฐกิจของชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ
ตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับกระทรวงการคลัง
หรือเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมอบายมุข
ก็ตาม ขอให้กลับไปพิจารณากันให้ดี โดยคำนึง
ถึงจิตใจ คำนึงถึงศีลธรรมให้มาก ว่าเรื่องของ
เศรษฐกิจกับเรื่องของจิตใจนั้น ต้องให้ควบคู่ไป
ด้วยกัน อย่าปล่อยให้อบายมุขระบาด จนกระทั่ง
ประเทศชาติของเรา ต้องฉิบหายไปต่อหน้า
ต่อตาเลย