ข้อความต้นฉบับในหน้า
อุปสมบทหมู่ 900,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย,
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 9,000,000 คน,
โครงการเด็กดีวีสตาร์ 9,000,000 คน, ธุดงค์ธรรมชัย
ฟื้นฟูวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง, ธุดงค์ธรรมชัยสถาปนา
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ (๓๘๑ กม.), ธุดงค์ธรรมชัย
อัญเชิญหลวงปู่ทองคำ (๕๙ กม.) ทุกโครงการ
มหัศจรรย์ทั้งสิ้น และเป็นเรื่องปลื้ม ๆ ทั้งสิ้น และ
คุณครูไม่ใหญ่ก็ถามทุกครั้งว่า “ปลื้มไหม?” เราก็จะ
ตอบว่า “ปลื้ม” เพราะมันปลื้มจริง ๆ แล้วท่านยัง
บอกต่อว่า "ถ้าไม่ปลื้มก็ขาดทุน” หลักวิชชาต้องปลื้ม
ก่อนงาน วันงาน และหลังงาน (อย่างน้อย 7 วัน)
ซึ่งพวกเรา นร.อนุบาลฯ ส่วนใหญ่ก็ทำตามได้ แต่มี
ๆ
บางส่วนที่ความปลื้มสะดุด เพราะไปเสพสื่ออื่น ๆ
อย่างไม่รู้เท่าทัน ไปมีอารมณ์ (เสีย) ร่วมกับสื่อ
บางช่อง บางรายการ บางฉบับ ที่ลงข้อมูลด้านลบ
ของพระพุทธศาสนาและหมู่คณะของเรา ทำให้
พวกเรา นร.อนุบาลฯ บางท่านที่ติดตามข่าวสาร
เหล่านี้ เสีย ๒ เด้ง คือ เสียสตางค์และเสียอารมณ์
พร้อมกับเพิ่มเรตติ้งให้เขา ในฐานะเป็น นร.อนุบาลฯ
ด้วยกันอยากจะบอกให้เราวางอุเบกขา อย่าไปร่วม
บาปกับเขาเลย เรามาปลื้ม ๆ กับเรื่องราวการสร้าง
บารมีของเราทางช่อง DMC ช่องนี้ช่องเดียวดีกว่า
ส่วนคนที่ไม่อยากจะเข้าใจก็ให้เป็นไปตามวิบากกรรม
ดังเรื่องราวต่อไปนี้
Case Study
วิบากกรรมบิดเบือนสื่อ วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง ขบวนการ ในช่วงนั้นผมได้รับกำลังใจจากพระเดช
ผมไม่ประสงค์จะเปิดเผยนาม แต่ได้ไตร่ตรอง พระคุณพระธรรมราชานุวัติ (หลวงเตี่ย) ซึ่งเป็น
อย่างถี่ถ้วนแล้วมีคำตอบให้แก่ตัวเองว่า กรณีศึกษา พระผู้ใหญ่ที่ครอบครัวของผมนับถืออย่างสูงสุดมานาน
ของผมน่าจะเป็นประโยชน์แก่สังคมของคนหมู่มาก หลวงเตี้ยเคยพูดกับผมว่า “แกเดินมาถูกทางแล้ว วันนี้
ในยุคปัจจุบันนี้อยู่บ้าง
สังคมไทยถูกเมฆหมอกปิดบังหูตา ในอีกไม่กี่ปี
ข้างหน้าความจริงจะปรากฏ ขอให้ความจริงมาเยือน
เถอะ และจงสู้ต่อไป”
ผมเคยเป็นคอลัมน์นิสต์ตัวเล็ก ๆ ที่หนังสือพิมพ์
รายวันฉบับหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นมีกัลยาณมิตรของ
วัดพระธรรมกาย ๓ ท่าน เป็นกัลยาณมิตรให้กับผม
ในช่วงที่วัดพระธรรมกายประสบปัญหาวิกฤตอย่าง
หนัก จากการโดนสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่รุมเล่นงาน โดย
ทำตัวเป็นตุลาการพิพากษาให้สังคมรับรู้เรื่องราวของ คำสาปแช่งก็เยอะ ระหว่างที่ผมทำงานที่หนังสือพิมพ์
วัดพระธรรมกายเป็นรายวัน ผมเฝ้ามองสถานการณ์
การลุกขึ้นสู้กับสื่อมวลชนทั้งหลายของผมมีผลตาม
มาก็คือ ได้ทั้งก้อนอิฐและดอกไม้ มีจดหมายหลั่งไหล
ไปกองอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นภูเขาเลากา คำชมก็มาก
ฉบับนั้น ในช่วงหลัง ๆ มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
อย่างเกาะติด และพบว่าวัดพระธรรมกายไม่ได้รับ คือ ผมถูกอิทธิพลจากผู้บริหารงานระดับสูง มาบีบ
ความเป็นธรรม ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยเป็นดินแดนแห่ง บังคับให้เขียนกลับคำ ๑๘๐ องศา ชนิดที่เรียกว่าหน้า
พระพุทธศาสนา ผมจึงได้เปิดคอลัมน์ที่หนังสือพิมพ์ มือเป็นหลังเท้าทีเดียว เพื่อนคอลัมน์นิสต์บางคนยอม
เล็ก ๆ ฉบับที่ผมทำงานอยู่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพียง ทำตามคำสั่งเพื่อความอยู่รอด แต่ผมไม่ยอม ผม
แค่ให้สังคมเกิดหูตาสว่างและเปิดกว้าง ไม่ให้หลงเชื่อ มักคิดถึงคำพูดของหลวงเตี่ยเสมอ ผมมีความสำนึก
ตามกระแสข่าวที่สื่อมวลชนสร้างกันขึ้นมาอย่างเป็น อยู่ลึก ๆ ว่า ทุกอย่างเรารู้ประจักษ์ใจดีอยู่แล้ว