ข้อความต้นฉบับในหน้า
49
4. การจัดงานสลายร่าง (ฌาปนกิจ)
ในการฌาปนกิจศพของผู้ละสังขารนั้น เมื่อถึงเวลาที่เจ้าภาพกำหนดแล้ว ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่
ฌาปนสถานและออกบัตรเชิญ โดยกำหนดวันเวลาให้ผู้เคารพนับถือทราบทั่วกัน เมื่อเสร็จพิธีบำเพ็ญกุศลแล้ว
ต้องเชิญศพไปสู่เมรุ โดยมีพระสงฆ์ชักศพหรือเดินนำหน้าศพ ส่วนบรรดาญาติจะเดินตามหลังศพไปโดยสงบ
ยกเว้นญาติสนิทที่จะถือภาพของผู้ละสังขาร และกระถางธูปเดินนำหน้า ริ้วขบวนจะเวียนรอบเมรุเป็น
“อุตราวัฏ” คือเวียนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เมื่อศพผ่านมา ผู้ที่นั่งอยู่จึงลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพ
ต่อศพนั้นด้วย หลังจากตั้งศพแล้วเป็นพิธีกล่าวสดุดีผู้ละสังขาร จากนั้นก่อนประชุมเพลิง เจ้าภาพจะเชิญ
แขกผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เป็นผู้ทอดผ้ามหาบังสุกุลที่หีบศพ บนสายสิญจน์หรือบนภูษาโยง ผู้ทอดผ้าคนสุดท้าย
เป็นคนจุด “เพลิงศพหลอก” เป็นการขอขมาศพครั้งสุดท้ายก่อนเผาจริง โดยจะมีพระสงฆ์ 4 รูปสวด
พระอภิธรรม หรือที่เรียกว่า “สวดหน้าไฟ”
ในช่วงนั้น แขกที่มาในงานและญาติมิตรจะทยอยกันขึ้นมาเผาศพหรือขอขมาศพด้วยการวาง
ดอกไม้จันทน์ ธูป และเทียนตามที่เจ้าภาพเตรียมไว้เป็นชุด ๆ แล้วจึงลงจากเมรุพร้อมรับของที่ระลึกจากเจ้าภาพ
เมื่อเผาหลอกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ฌาปนสถานจะเคลื่อนศพไปยังเตาสำหรับเผาจริง ก่อนเผาจริง
เจ้าหน้าที่เมรุหรือสัปเหร่อจะทุบหรือต่อยมะพร้าวห้าวที่ปอกเปลือกแล้วเพื่อให้กะลาแตก แล้วนำน้ำมะพร้าว
มาล้างหน้าศพก่อน จากนั้นจึงเคลื่อนโลงศพเข้าเตาเผา