ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๘
mo
ต้องถึงดีด้วย คือมีปริมาณงานที่มากพอ นั่นเอง เช่น ผ้าชิ้น
นี้ควรจะขยี้ตรงรอยเปื้อนสัก ครั้ง จึงจะสะอาด ก็ต้อง
ขยี้ให้ครบ แต่ขยี้ไปเสีย ๑๐ ที เหลืออีกตั้ง ๒๐ ที่ ไม่
ขยี้ต่อ มันจะเกลี้ยงได้อย่างไร เพราะมันเปื้อนขนาดนั้น
มันก็เพียงแต่เปื้อนน้อยลงไปหน่อย เพราะฉะนั้น มันต้อง
ถึงดีด้วย คือ ปริมาณงานมันมากพอที่จะให้เกิดดี
๓) ต้องทำให้พอดี ?
ถามว่าถ้าทำได้ถูกดี ถึงดีแล้วจะได้ดีไหม ?
ต้องบอกว่ายังไม่แน่ ต้องพอดีด้วย ยกตัวอย่าง ผ้าที่เอามา
ซัก เราควรจะขยี้สัก ๓๐ ที แต่เราเผื่อเหนียวมากไปหน่อย
ไปขยี้ตั้ง ๑๐๐ ที ผ้าเลยขาดเสีย ไม่ได้ใส่กัน มันไม่พอดี
การทำงานต้องพิจารณาถึงสามขั้นตอนอย่างนี้
ถูกดี คือ ถูกวัตถุประสงค์ของงาน
พูดง่ายๆ อย่าทำตัวเป็นคนขยันแต่ว่าโง่
ถึงดี คือ ทำให้ได้คุณภาพตามเป้าหมาย ไม่ขี้เกียจ
พูดง่ายๆ ต้องไม่ทำตัวเป็นพวกฉลาดแต่ขี้เกียจ คือรู้ว่า
มันดีอยู่ตรงไหนก็รู้ งานนี้ทำอย่างไรก็รู้ แต่ทำไปหน่อยเดียว
ทำงานเหมือนผักชีโรยหน้าเสียแล้ว คือมันถูกดีแต่ว่ามัน
ไม่ถึงดี ก็ไปไม่รอด มันจะหลอกได้ก็เฉพาะผู้บังคับบัญชา
โง่ๆ ก็ต้องถามว่าทั้งบ้านทั้งเมืองจะมีแต่ผู้บังคับบัญชาโง่ ๆ
กันทั้งนั้นหรือ ? วันหนึ่งถูกจับได้ไล่ทันเองว่า เจ้านี่มัน