การฝึกสมาธิเพื่อการเข้าใจชีวิตหลังความตาย สัมมาทิฏฐิ รากฐานการพัฒนาชีวิต หน้า 43
หน้าที่ 43 / 56

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการทำความดีและผลของการกระทำในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับความไม่สูญสลายของจิตหลังความตาย และเสนอแนวทางการพิสูจน์ความเชื่อนี้ผ่านการฝึกสมาธิเพื่อให้จิตใจผ่องใสและเกิดความสว่างภายใน ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ถึงประสบการณ์ที่ส่งผลให้เข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตและความตาย และความจริงที่ว่าหากมีการฝึกสมาธิอย่างจริงจัง จะสามารถพบเจอความสว่างในจิตใจ像เมื่อการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองเกิดขี้น。การเข้าใจนี้ยังค้ำประกันความสบายใจในชีวิตและหลังความตาย

หัวข้อประเด็น

-การทำดีและผลที่จะเกิดขึ้น
-ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย
-การฝึกสมาธิเพื่อสร้างความสว่างภายใน
-ความสงบในจิตใจ
-การเข้าใจความจริงของการมีชีวิตอยู่

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๔๓ เมื่อไม่ทำความดี มีชีวิตอยู่ก็เดือดร้อน เพราะความชั่วนั้น สมมุติว่ามันสูญจริง อย่างน้อยที่สุด มีชีวิตอยู่ก็เดือดร้อน แล้วถ้ามันเกิดไม่สูญ ชีวิตนี้ก็เดือดร้อน ตายแล้วก็เดือดร้อน หนักเข้าไปอีก เดือดร้อนสองต่อ แต่ถ้าเชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ ถ้าเชื่อว่าอย่างนั้นก็เลย ทำดี เมื่อตั้งใจทำดี เมื่อมีชีวิตอยู่ก็ยังสบาย เมื่อตายไป แล้ว ถ้ามันสูญก็แล้วไป ถ้ามันไม่สูญก็สบายต่อ ท่านก็ บอกว่าเชื่อไว้ก่อนเถอะว่า ตายแล้วมันไม่สูญ ถ้าพูดกันในเชิงนี้มันก็ยังค้างใจ บางคนสงสัย พระพุทธองค์ขึ้นมาอีก ถึงแม้จะเชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ ก็ เป็นความเชื่ออย่างมากได้แค่ ๙๙% ไม่ถึงร้อย แล้วจะทำ อย่างไรให้ถึง ๑๐๐ % มีบทฝึกในพุทธศาสนาที่จะไปใช้พิสูจน์ได้ บทฝึก นั้นก็คือ การทำสมาธิให้ใจผ่องใส ทำสมาธิจนกระทั่งใจ สงบนิ่งแล้วใจจะใส เมื่อใจใส ความสว่างมันจะเกิด เมื่อ ความสว่างเกิด ตรงนี้เองเราจะไปพบด้วยตัวเองว่า ตาย แล้วไม่สูญจริง เรื่องนี้ขอยืนยัน ใครก็ตามที่เมื่อได้ฝึกสมาธิมาถึง ระดับหนึ่งจนกระทั่งความสว่างภายในเกิดสว่างไปตามลำดับ แรกๆ อาจจะสว่างอย่างกับหิ่งห้อย แต่เมื่อฝึกสมาธิมากเข้า ใจก็สว่างเหมือนกับแสงเทียน สว่างเพิ่มขึ้นเหมือนแสงไฟฉาย สว่างเพิ่มขึ้นเหมือนสปอตไลท์ สว่างเพิ่มขึ้นเหมือนกับ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More