ข้อความต้นฉบับในหน้า
ที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์ ซึ่งมีมากมายหลายกลุ่ม
การตรากตรำกรำงานโดยไม่มีเวลาพักอย่างคนทั่วไป เพราะต้องเร่งทำงานให้ทัน
กับความต้องการของส่วนรวมเป็นใหญ่ ทำให้ร่างกายเกิดอาการสะสมสารพิษตกค้าง
โดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้อีกทีก็ล้มป่วยเสียแล้ว ซึ่งมีสาเหตุใหญ่ ๒ ประการ ได้แก่
อายุสังขารที่ร่วงโรยไปตามวัย
๑.
๒. อิริยาบถ ๔ ไม่สมดุลตลอดทั้งวัน เช่น นั่ง นอน ยืน เดินไม่สมดุล
ดังนั้นการได้หลีกเร้นออกไปบำเพ็ญภาวนาจะช่วยให้จิตใจมีความบริสุทธิ์เป็นพิเศษ
ร่างกายมีความสะอาดเป็นพิเศษ ในคัมภีร์มีบันทึกไว้ว่า เลือดของคนเราจะบริสุทธิ์ได้ ก็
ต่อเมื่อใจบริสุทธิ์ เมื่อเลือดบริสุทธิ์ อินทรีย์ (ร่างกาย) ก็จะผ่องใส เพราะมีเวลาให้ร่างกาย
กำจัดสารพิษตกค้างให้หมดไปและฟื้นฟูความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้กลับคืนมาอีกครั้ง
สังขารก็จะยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกหลายปี การประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ก็จะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระยะยาวมากยิ่งขึ้น
การสร้างวัดป่า มักนิยมสร้างเป็นกุฏิที่พักขนาดเล็ก พอใช้กันแดดกันลมกันฝน
อยู่จำพรรษาได้ ตั้งอยู่ในป่าใกล้เชิงเขา บางแห่งก็สร้างถวายเป็นวิหารที่พักไว้ในป่าใหญ่
บางแห่งไม่มีการสร้างอาคาร แต่อาศัยอยู่ในถ้ำ ซอกเขา เงื้อมเขาแทนกุฏิหรือวิหาร
ในสมัยพุทธกาลนั้น บุคคลที่สร้างวัดป่าส่วนใหญ่ได้แก่ “หัวหน้าหมู่บ้าน” หรือ
“ชาวบ้านที่มีศรัทธา” ถ้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็จะใช้กำลังทรัพย์และกำลังบริวารของตัวเอง
เป็นเรี่ยวแรงในการสร้างวิหารไว้ในป่า จากนั้นก็จะนำปัจจัย ๔ ไปถวายอุปัฏฐากพระภิกษุ
ถึงที่วัดตลอดทั้งพรรษา แต่ถ้าเป็นชาวบ้านก็จะอาศัยกำลังของตัวเองเพียงลำพังในการ
สร้างกุฏิที่พักไว้ในป่า จากนั้นจะนิมนต์ให้ไปรับบิณฑบาตที่บ้านในเวลาเช้า บางคนก็นิมนต์
พระภิกษุให้ฉันที่บ้าน บางคนก็ใส่บาตรให้พระภิกษุนำกลับไปฉันที่วัด หลังจากพระภิกษุ
ฉันเสร็จแล้ว ก็จะนั่งบำเพ็ญภาวนาในที่หลีกเร้นตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน บรรยากาศ
ในวัดป่า จึงไม่มีการประชุมรวมคนในหมู่บ้านเพื่อทำบุญและฟังธรรม มีแต่บรรยากาศของ
การบำเพ็ญภาวนาอย่างเงียบสงบตลอดวันเพราะพระภิกษุต้องการใช้วันเวลาในวัดป่าตลอด
ทั้งพรรษา ให้หมดไปกับการกำจัดอาสวกิเลสภายในให้หมดสิ้นไปอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งเป็น
วัตถุประสงค์ของการไปจำพรรษาอยู่ในป่านั่นเอง
อรัญญสูตร, ส.ส.อ. ๒๔/๒๑ - ๒๒/๖๗ (มมร.)
(อ่านต่อฉบับหน้า)