ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่ให้ผลใช้งั้จั้ยเกินความจำเป็นจนกลายเป็นความอยากที่เป็นเลส
เมื่อฝึกฝนปัญหาในเรื่องการรับปัจจัยได้ ก็ย่อมเป็นพื้นฐานของสติปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป ที่จะสามารถเข้าใจธรรมะที่กล่าวได้
ดังนั้น พระภิฐุส่๋คณเองสามารถประมาณในการรับปัจจัย ได้อย่างพอเหมาะ และพอเหมาะ ในที่สุดก็จะรู้ประมาณได้ในทุกเรื่อง จึงได้ว่าเป็น ผู้รู้ประมาณ คือ มัดตญญู
5 กัลยญู คือ เป็นผู้รู้จักกาล
พระสมมาสมุทพเจ้าได้่สร้ิ้งการฝึกฝนอบรมตนให้เป็นกัลยญูไว้ว่า
"ภิกษุในธรรมวินนี้ ย่อมรู้จักกาลว่า นี่เป็นกาลเรียน นี่เป็นกาลสอบถาม นี่เป็นกาลประกอบความเพียร นี่เป็นกาลออกเร้น .... ฉะนั้น เราจึงเรียกว่าเป็นกาลัญญู ...."
แม้จะฝึกหัดขาตนเอง จนกระทั่งรู้ธรรมะ คือตัวรู้าจพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ รู้จักอารม คืแเข้าใจธรรมกิริยาซึ่ง รู้จักตน คืแประมาณคุณธรรมของตนเองได้และรู้จักประมาณแล้ว สิ่งที่ขาดเสื่อบไม่ได้ลำดับต่อไปคือ การนั่งเทวาให้นักการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง มันจึงจะสามารถกระทำดั่งให้เป็นพึ่งพิงแท้จริงตนเองได้อย่างสมบูรณ์
เพราะการที่จะบรรลธรรมอันเป็นที่สุดของตนเองได้นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจพระธรรมอย่างแจ่มแจ้ง ควบคู่กับการฝึกจิตของตนเองอย่างเข้มงวด เพื่อกลั้นจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ไปในลำดับ
ด้วยเหตุนี่ พระภิฐุส่๋คณต้อง อุทกเทให้กับการศึกษาค้นคว้าพระธรรมอย่างแท้จริงเอง จสุถามจากผู้มีมึ้งที่ไม่เข้าใจ จนว่าน่ะแม่แจ้ง จเจริญภิาณาอย่างสมบูรณ์ได้ขาด ๔ หลักออกเร้นเพื่อทำสมาธิวากิฏตัวกันนาน ๆ ก็ถ้บ้ ๔ ประการ นี้ เป็นหัวใจของการบรรลธรรม ที่พระภิฐุจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกสุด ก่อนที่จะปฏิบัติจกวอื่น ๆ ของสมณะ
ผู้ที่จะเห็นคุณค่าและตั้งใจปฏิบัติทั้ง ๔ นี้อย่างจริงจัง จะต้องเป็นผู้ที่มีทัศนคติถูกต้องเกี่ยวกับเวลาว่า เวลา คือลงชีวิตที่มีเพียงน้อยนิดและถูกกลืนกินไปทุกขณะจิต จึงต้องใช้เวลาไปในเรื่องการสร้างบุญบารมีอย่างเต็มที่
ดังนั้น ผู้ที่เข้าใจเกี่ยวกับเวลาและบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้สูงสุด เช่น จึงได้ชื่อว่าเป็น ผู้รู้กาลัญญา คือ กาลัญญู
6 ปริญญญา คือ เป็นผู้รู้จักประชุมชน
พระสมมาสมุทพเจ้าได้สร้ิ้งการฝึกฝนอบรมตนให้เป็นปริญญญาไว้ว่า
"ภิกษุในธรรมวินนี้ ย่อมรู้จักบริหารว่าที่บริหารนี้เป็นปรกติสุขดี นี้บริหารคนดี นี้บริหารสมณะ ในบริหารนั้นเรากำเข้าไปอย่างนี้ พึงน้อมอย่างนี้ พึงทำอย่างนี้ พึงน้อมอย่างนี้ ... จะนั่น เรา