ข้อความต้นฉบับในหน้า
จึงเรียกว่าสิ่งเป็นสิ่งบุญ ..."
เมื่อฝึกฝนตนเองมากำลังกล่าว ตั้งแต่สมณัญ อัตัญญา อัตตัญญา มัตัญญา และกาลัญญู ย่อมได้อิทธิวิธีเป็นกลายณิวัตให้แก่นตนเองอย่างสมบูรณ์ และเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตคับประเสริฐให้แก่วงโลกได้ อย่างสามารถเข้าใจครองใจทั้งโลก ให้อกโกดความศรัทธาเลื่อมใสเป็นเบื้องต้น เมื่่อเกิดศรัทธาเลื่อมใสแล้ว ย่อมอยากฟังคำสอนและอยากปฏิบัติตาม
พระภิกษุที่จะเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาได้ นอกจากต้องมีปัจจิมาน่าเลื่อมใส มีศาลาจารวาดงามแล้ว ยังต้องรู้จักประชุมชน และก็ริจะต้องปฏิบัตต่อประชุมชน นั้น ๆ เช่น รู้ว่าว่า เมื่อเข้าไปในประชุมชน จะต้องทำอะไรอย่างไร จะต้องพูดอย่างไร เป็นต้นนั่นคือ พระภิกษุเข้าใจนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของคนในแต่ละกลุ่มปฏิบัติอย่างในแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นที่ตั้งของความเลื่อมใสศรัทธาของกลุ่มคนที่คนหามาอย่า
พระภิกษุที่ฝึกฝนอบรมตนได้เช่นนี้ จึงได้ชื่อว่าเป็น ผู้ศักดิ์ประชุมชน คือ ปริสัตย์
7 ปกครปญญา คือ เป็นผู้รู้ปุคคล
พระสัมมนาสัมพุทธเจ้าส่งให้การฝึกฝนอบรมตนให้เป็นบุคคลปริญญูไว้ว่า "วิญญาณในธรรมวินัยนี้เป็นผู้รู้จ บุคลโดยส่วน 2 คือ บุคคล 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งต้องการเห็นพระอริยะ พวกหนึ่งไม่ต้องการเห็นพระอริยะ บุคคลที่จะต้องการเห็นพระอริยะ พึงถูกดีเตือนด้วยเหตุนี้ ๆ บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะก็ têmได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนี้ ๆ
บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะก็มี 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งต้องการจะฟังธรรม พวกหนึ่งไม่ต้องการฟังธรรม ...
บุคคลที่ต้องการฟังสักธรรมก็มิ 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งตั้งใจฟังธรรม พวกหนึ่งไม่ตั้งใจฟังธรรม ...
บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรมก็มิ 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งฟังแล้วทรงจำเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ พวกหนึ่งไม่ทรงจำเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ ...
บุคคลที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้มิ 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งรู้ว่าธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมตามความรู้ร้ อธรรมแล้ว ไม่ปฏิบัติธรรมควรแก่วิธ...
บุคคลที่รู้ธรรุธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ก็มี 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น พวกหนึ่งปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนและปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ...