บาปีวิทยาศาสตร์ 10 ประการ วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2556 หน้า 4
หน้าที่ 4 / 116

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงแนวความคิดเกี่ยวกับบุญว่ามีลักษณะคล้ายกับพลังงานที่สามารถสะสมและส่งต่อไปยังผู้ที่อยู่ในโลกแห่งความทุกข์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำบาตทานมัย ซึ่งสามารถให้บุญแก่ผู้อื่นได้ โดยมีพระมหาเสี้ยย สุขาณุสราโย และพระมหาวีระ ธมฺมสรฺธิ เป็นที่ปรึกษาและอธิบายถึงความสำคัญของการทำบุญและคุณสมบัติของบุญในการถ่ายโอนความสุขและความสำเร็จให้กับชีวิตของผู้อื่น รวมถึงเรื่องราวของนางเปรตที่พยายามหาทางหลุดพ้นจากทุกข์และการช่วยเหลือโดยพระเถระ

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของบุญ
-การอุทิศบุญ
-ผลของการทำบุญ
-พระมหาเสี้ยย สุขาณุสราโย
-พระมหาวีระ ธมฺมสรฺธิ
-เรื่องเล่านางเปรต
-การส่งต่อบุญให้ผู้อื่น

ข้อความต้นฉบับในหน้า

บาปีวิทยาศาสตร์ 10 ประการ เรื่อง: พระมหาเสี้ยย สุขาณุสราโย ป.ธ. 9 / พระมหาวีระ ธมฺมสรฺธิ ป. 9 / ภาพประกอบ: กองพุทธศิลป์ ปัตติทานมัย เอาบุญมาฝากนะครับ/ค่ะ "แม่น้ำเป็นที่อยู่ของฝูงปลา ย่อมหลังไหลไปสู่ทะเลหลวง ฉันใดห้วงบุญย่อมหลังไหลไปสู่อรชนผู้เป็นบันเทิด ให้ขวัญ น้ำ เครื่องนุ่มห่ม ที่นอน ที่นั่ง เครื่องปลาดเหมือนห่วงน้ำหลังไหลเข้าไปสู่ทะเล ฉันนั้น" (ปลูกอภินันทสูตร) บุญ คือ พลังงานอันบริสุทธิ์ มีอานุภาพยิ่งใหญ่กว่าพลังทั้งปวง เป็นเครื่องนำนำซึ่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต คุณสมบัติของบุญ คือ เก็บสะสมเอาไว้ได้ เหมือนกระแสไฟฟ้าที่สามารถชาร์จเก็บสะสมเอาไว้ในแบตเตอรี่ แล้วยังสามารถอุทิให้แก่ผู้ที่โลกไปแล้วได้ บุญมีคุณสมบิติดคล้ายว่า คือ สามารถที่จะไหลไปได้ไกล เช่นเดียวกันจากภูเขาไหลลงไปสู่ทะเลที่อยูไกลแสนไกล บุญสามารถที่จะอุทิให้กับผู้ที่โลกไปแล้ว แม้ยามคนละโลกได้ “บาตทานมัย” คือ การทำบุญแล้วตั้งใจอุทิให้คนอื่น บุญพิสูจน์ได้ก็คือจากความเมตตา ปรารถนาที่อยากให้บุญผู้อื่นสำเร็จที่ตนเองนำเอาไว้ให้คนอื่นได้บุญด้วย การจะอุทิบุญให้ผู้อื่นได้ ตัวเองก็ต้องมีบุญมากพอ เช่น มุญิที่เกิดจากการทำกาย วาจา ใจละอาดบริสุทธิ์ หรือได้ทำทาน รักษาศีล เจริญวิปัสสนา เป็นต้น เมื่อดั่งจัดปราณาให้คนอื่นได้รับส่วนบุญ บุญจึงจะไปถึงบุคคลที่อยู่ปลายทาง หากเขาไม่เกิดเป็นสัตว์นรกเปรต อสุรกาย บุญก็หนุนส่งให้เขาได้คลายจากทุกข์มาเป็นทุกข์น้อย ทุกน้อยก็หมดทุกข์หลุดพ้นจากบายนไปเกิดในสุดภูมิได้ หรือหากไปเกิดเป็นชาวสวรรค์ จากเป็นเทวดาที่สุขน้อยก็สุขมาก ที่สุขมากก็มีความสุขมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป นางเปรตผู้นำสงสารในสมัยพุทธกาลเปรตตนหนึ่ง หลังจากทีสุดพ้นจากการถูกกัดทักราม แต่กรรมยังไม่หมด นางคิดว่าทำอย่างไรหนอจะหมดเวรรมหมดกรรมนี้ได้ Whichไปรึไง จึงไปอ้อนวอนที่กรมปรกฏภออนำเอาพระสารบัญตร พระเถระท่านเป็นพระรัตนตรังไม่กลัว ไม่สงุดงตา มีแต่ความสงสารอยากช่วยนางให้หลุดพันจากความทุกข์มนาน ท่านเมตตาให้ถามนางว่า "เธอเป็นคนเปลือยกาย มีร่างไม่ม่นน่า ชุบผม เนื้อทรัวะพรั่งไปด้วยเส้นเม้น เธอเป็นใคร มาอยู่ตรงนี้ทำไม" เมื่อเปรตถูกพระเถระถาม นางก็ลำดับดับเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อ ๔ ขาตีแล้ว ตนเองเป็นมารของพระสารินรุตร ภาพถาดนี้ได้แต่ปรตที่มาไปด้วยความหวังและความกะทาย เมื่อถูกความหวาดครัวง่า ก็อดกินน้ำลาย น้ำบูบ เสมหะที่เขาถุ่มทิ้ง และกินหมิหลายของซากศพที่กำลังถูกเผาที่เผิงถน กินเลือดของหญิงที่คลอดบุตร และเลือดสด ๆ ของพวกบุตรที่ถูกตัดอีตา นางเปรตดำ้นต่อไปว่า "ในอัตภาพของเปรตนี้ ต้องกินเนื้อ เอ็น และข้อบ้างของคนตายแล้ว กินหนอง เลือดของสัตว์และมนุษย์ ไม่มีที่พักอาศัย ร้อนรมไปด้วยความลำบากยิ่งกว่าคน"
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More