ข้อความต้นฉบับในหน้า
เนื้อความในภาพคือ:
"นี้เอง หาก "ร่างกาย" นั้นตายไป ซึ่งได้ว่า สงูเสีย "องค์รวม" ไปแล้ว แม้จะอะไรก็ตาม ก็ยังสามารถทำงานได้ดังเดิม ดังนั้นในความหมายของ "ร่างกาย" การทำงานของสมาชิกหน่วยย่อย คือ อย่างต่าง ๆ ซึ่งเป็นอยู่กับ "องค์รวมที่ทำงานที่ได้" หรือ "กายที่มีชีวิต" นั้นเอง
กล่าวโดยสรุปคือ ในความหมายทั้งสองของ กาย อันได้แก่ "มวลุหมู่" และ "ร่างกาย" มีจุดร่วมที่เหมือนกันในแขนงของประกอบ แต่มีความแตกต่างกันในแขนงของการทำงาน เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ และย้อนทบทวนถึงการทำงานของ ธรรม ใน ธรรมกาย แล้ว คงได้คำตอบที่ชัดเจน เพราะ ธรรม นั้น เป็นเสมือนธรรมที่มีชีวิต ที่ทำหน้าที่ กำจัดเลส เปลี่ยนปฏิรูป เป็นอริยบุคคล หรือเปลี่ยนอริยบุคคลเบื้องต่ำให้เป็นอริยบุคคลในภูมิที่สูงขึ้นได้ อีกทั้งการทำงานของธรรมมนั้น ก็ขึ้นกับ "องค์รวม" เป็นสำคัญ กล่าวคือ การที่คุณธรรมแต่ละประกอบจะทำหน้าที่ที่ทำงานได้ดีควรเป็นองค์ประกอบของ "โลกดตรมนรร" ที่บังบดด้วยคุณสมบัติหรือคุณธรรมต่าง ๆ อันเปรียบเสมือนอวัยวะ ซึ่งเป็นความหมายของ กาย ในขณะที่เป็น "ร่างกาย" มีเพียงแต่ "มวลุหมู่" เท่านั้น ทบทวนว่าคำว่าคำว่า ธรรมกาย ที่เป็นพระนามหนึ่งของพระพุทธองค์ ดังที่ปรากฏในอัศจัญสูงสุด จึงให้ข้อความว่า เป็นความเหมาะสมมากกว่าที่จะเข้าใจความหมายของ ธรรมกาย ในฐานะที่เป็น กายแห่งการตรัสรู้ธรรม หรือกายคือธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เป็นสมัยสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นฐานหรือธรรมที่มีชีวิต และมีความงามในภาวะที่เป็นเหตุเคราโมงให้เลยลุ่มไป และเมื่อตรงเข้าใกล้และ "ได้เป็น" กายคือธรรม นี้ ดังนั้น
พระองค์ตรัสเรียกตนเองว่า ธรรมกาย คือ ผู้ที่ได้ธรรม นั้นแล้ว กายคือธรรม นี้เอง ที่ได้กล่าวมาเป็น "ตัวตนใหม่" ของพระพุทธองค์ กล่าวในวาระสุดท้ายที่ทรงสุดท้ายที่ทรงดำรงอยู่ในโลกมนุษย์นี้"