ข้อความต้นฉบับในหน้า
เราเป็นนักเรียนหญิง พ่อแม่เรามีฐานะดี มีหน้ามีตา เราเองก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง ส่วนแต่เป็นความคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น ความจริงแล้วไม่ได้มีใครรู้จักเราเท่าไหร่ แต่เข้าข้างตัวเองก่อนว่า ตัวเราสำคัญมาก ถ้าใครมาเห็นเราจัดรองเท้าจะถูกใจ หรือถ้าพ่อแม่มาเห็นเราทำอย่างนี้ ท่านคงจะเสียหน้า นักไปรษณีย์กว่านักรองเท้าคู่เป็นฮ่องกงฟุตหรือเปล่า เมื่่ออ้อมมือไปยึบรองเท้าคู่นั้นมือมันหดกลับ ต้องจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ถึง ៨-๔ ครั้ง กว่าจะตัดใจหยิบรองเท้าขึ้นมา จัดได้ พอหยิบคู่แรกได้ มันก็ได้ตลอด ที่เหลืออีกกี่คู่ ๆ ก็จัดจนเรียบร้อยว่ามา วันนี้เราหมดทิฐิหมดแล้ว
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็รับจัดให้เสร็จราวในที่เขาจะล้มตื่น ว่าใครเขาว่าราคา จะเป็นการเสียหน้า จัดเสร็จเรียบร้อยไม่กล้าให้ครู จนกระทั่งเขาเลิกนิ่งมาจนจากบ้าน เห็นรองเท้าวงเป็นระเบียบ ได้ยินเสียงเขาพูดกันว่า
"แห่ม...ดีจังเลย วันนี้รองเท้าไม่เกลื่อน ไม่รู้ใครจัด ขอนุโมทนาต้วยนะ" พอหลวงพ่อได้ยินเขาอนุโมทนาก็รู้สึกใจฟูขึ้นมาทันที ตะหนักว่าเราทำถูกแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะแสดงตัวให้ใครรู้ว่าเป็นผู้มีเอง การทำงานจะลดความถี่ได้สำเร็จในคราวนี้เป็นความภูมิใจของหลวงพ่อทอดมาภาระในใจก่อนจะไม่เลือกว่าขาดงานต่ำหรือสูง โดยอาศัยความบริสุทธิ์เป็นเกณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ ยาก ข้อเป็นความแตกต่างระหว่างคนไทยกับคนอินเดีย คนอินเดียเองเป็นของทนแต่จะไม่ออม ไมย เพราะกลัวบาป ตรงข้ามกับคนไทย ยินดีจะปล้นเขากิน แต่ไม่ออมเป็นขา่น อาศัยฐานในเมืองไทยจึ่งมีมากกว่าอินเดีย โดยเฉพาะอาศัยบว วัยรุ่นที่ไปทำกิจกรรมกันนั้นไม่ใช่เป็นเพราะความอยากขน แต่เพราะความฟุ้งฟ่อย เลือกงาน ดูกว่างานนั้นไม่มีเกียรติ แต่ไปออมโยเขาก็นึกว่ามีถูกตัวเอง ความมุ่งมูนิยะถือตัวอย่างไม่เข้ากับด้วยการถูกงานเช่นนี้ ทำให้คนไทยต้องดงงานกันมาก ไม่ใช่มิ้งงานทำ แต่เลือกงานเกินไป แล้วจะมาโยนความผิดให้รัฐบาลมิใช่มัด ต้องตำหนิว่านี้คนไทยสอนคุณไม่เป็น สอนให้ลูกมีจรรยาบรรณ ถูกงาน นุ่งว่าไม่ถูกต้อง ควรแก้ไขว่านิยมกันเสียใหม่ว่า งานที่มีรูทีติ ไม่ได้โกงเขา ไม่ได้ผิดดีสิ ต้องถือว่างานนั้นมีเกียรติถึงแม้จะเป็นงานบิดล้วบิด้องน้ำก็ถาม
เมื่อป่อน มีนักเรียนโรงเรียนสะดิตแห่งหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญเป็นลูกผู้อ้อนจะกิน อาจารย์เขาส่งมอบรวมไว้ พวกมึงวันแรกอาจจะรบยากจนหลวงพ่อ ต้องขอใช้คำว่า "ดัดสันดาน" คือเมื่อมาถึงวัด กินเจ้าเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครกล้าค้านที่จะล้างจาน หลวงพ่อจึงถามเขาว่า
"หนูทำไมไม่ล้างจาณกันล่ะ"
"หน้างไม่เป็น"
"โอ้!" อยู่บ้านไม่เคล้างเลยหรือ
"ไม่เคยค่ะ"
"แล้วใครล้างล่ะ"
"คนใช้ล้างให้"