ประวัติศาสตร์และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน สิงหาคม พ.ศ.2558 หน้า 58
หน้าที่ 58 / 128

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงวัดโบราณที่ชื่อว่า “ต้าเอี่ยะนะ” ซึ่งเดิมเป็นสถานจัดเก็บพระไตรปิฎกและมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในช่วงสมัยของพระเจ้าโคตมมหาราชที่ทรงเลิกความรุนแรงและหันมานับถือพระพุทธศาสนา พระองค์ได้ทำการเผยแผ่ตามสถานที่ต่างๆ และสร้างศาสนสถานเพื่อบูชาพระพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนได้รับการถ่ายทอดผ่านการประชุมสงฆ์และการจดจำ ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองต่อมา.

หัวข้อประเด็น

- วัดโบราณ
- พระเจ้าโคตมมหาราช
- การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- ศาสนสถานในประวัติศาสตร์
- พระไตรปิฎก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

วัดนี้จึงเป็นพุทธสถานโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีมาแต่เย็นนานใหญ่ ชื่อ “ต้าเอี่ยะนะ” (ต้าเอี่ยะน่าใหญ่) ความสูงราว ๘๐ เมตร ซึ่งเดิมเป็นสถานีเก็บรักษาพระไตรปิฎกพื้นเดิมจากอินเดียที่ยังไม่มีการแปลและในส่วนที่แปลและชำระเป็นภาษาจีนแล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนและคณะนักวิจัย DIR มีความปลื้มปิติยิ่งที่ทราบว่า เราได้พาพาแห่งข้อมูลหลักฐานคําตอบดังเดิมที่เป็นข้อมูลฐานปฐมภูมิ แต่คณะของเราจะต้องตั้งใจมั่น มีความเพียรและขันติธรรมอย่างยิ่งเพื่อใชเวลากับเหตุอยู่พระมหาเจดีย์จั้นและคณะศิษย์ของท่านในกล่าก่อน อย่างไรก็ดีตามผู้เขียนและคณะนักวิจัยของวงเงราะว่าทำศาสนิกอย่างอื่นไม่ใช่ข้อความที่แล้ว คือ เส้นทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา เส้นทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ต่อ) พระเจ้าโคตมมหาราชเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเมียวปลครองแคว้นมคในช่วง พ.ศ. ๒๓๐ ถึง พ.ศ. ๑๓๑ ก่อนที่พระองค์จะทรงเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา ทรงมีความกูร้ายเป็นอย่างยิ่งจึงได้รับฉายว่า “จันทราโกศ” แปลว่า อโศกผู้ร้าย เมื่อเสด็จไปรอบที่แคว้นกำลังจะ (ปัจจุบันคือรัฐอิรษา ประเทศอินเดีย) มีบาดเจ็บล้มตายจากสงครามเป็นจำนวนมาก ทรงสงสัยว่าในบทความ เมื่อทรงพบบัณไพรสสามและผู้มีวิจาริระสงบเรียบร้อย จึงทรงนิมิตให้แสดงธรรมจากนันนั้นพระองค์จงมีความเอื้ออาทรในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ทรงทำบำรุงพระพุทธศาสนา เช่น ทรงสร้างศาสนสถาน ถวาฃัดฎุ และหลักศาสตรามากมาย ทรงเลิกการแผ่นจาก หนามาใช้หลักพุทธธรรมหรือธรรมะราชาในการปกครอง พระเจ้าโคตมมหาราชเสด็จไปยังเวเนียนสถานทั้ง ๔ แห่ง และทรงสถาปนาให้เป็นสถานที่ที่ควรแก่การสักการบูชา ของพระพุทธศาสนาบูชา พระองค์ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสบุนในภูมิภาคอย่างจริงจังมีพระสมญานามว่า “ธรรมโภค” แปลว่า อโศกผู้ทรงธรรม สำหรับในการทำสงครามในอดีตนี้ เป็นการนำเอาคำสอนของพระพุทธองค์ที่พระสมญาสามารถทรงจำไว้ได้มาแสดงในที่ประชุมสงฆ์ จากนั้นซักถามกันจนกระทั่งที่ประชุมสงฆ์ว่างต้องแน่นอน แล้ว จึงสวดขึ้นพร้อมกันเพื่อแสดงถึงความเป็นเอกฉันท์ พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้รับการถ่ายทอดด้วยการทรงจำหรือที่เรียกกันว่า “มุขบุตร” เป็นแบบแผนเดียวกันสิบท่อ มาโดยได้ดจารเป็นตำนานหนังสือ หลักฐานทางพระพุทธศาสนาในช่วง ๓๐๐ ปี หลังพุทธก็บินพาทที่เหลืออยู่ก็ตั้งปัจจุบันได้แก่ ลูบปาก พระพุทธศาสนอันได้แก่หาดูลปาณี (Sanchi) พุทธศาสนิเพิ่ม ๓-๑๒ ตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางตอนตะวันตกของอินเดีย และเสาสักการารของพระเจ้าโคตมหาราช ที่ทรงสถาปนาขึ้นในสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในพระราชอาณาจักรของพระองค์
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More