ข้อความต้นฉบับในหน้า
หมดดอง เป็นการหมดที่เป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วกวัดภูมะมัดทะแมงมาก คือ หมดคูมไหล่ซ้ายการเร่งให้เด็กมีร่างกายเติบโต สุขภาพจนมาถึงปลายข้อศอก เปิดแขนขวาโดยปลายจี้รอยใต้รักแร้ และพาดทับไหล่ซ้ายซึ่งมีผ้าสั้งภูพุทธเฉียงยาวมาที่ลากก้านไหล่ซ้ายอีกทีหนึ่ง และผ้ารัดกริ่งอยู่เหนื่อเอวผูกวาวห้ซ้ายและม้วนเป็นดอกบัว ให้หมดขณะประกอบพิธีกรรมของสงฆ์ในวัด เช่นในพิธีบวช ฟังสวดปาฏิโมกข์ เป็นต้น และในพระวินัยก็กำหนดให้พระฉุกดำเนิรแบบหมดดอง
การหมดจิวขณะอยู่วัด แม่หมดคูมไหล่ข้างเดียว ถอดความสะดวกสบายน่ะเก้อ ถึงอย่างนั้นก็ควรให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยให้ยายน่้ายหลัง คือ ให้ชายจีวรที่แมกว่ายกว่าชายสงฆ์นุ่มเล็กน้อย และไม่หมดเสียอย่ลงไปลากดิน ไม่ล้นเต่า ๆ ลอรืดขึ้นมานนองโดยเอ การนุ่งเบื้องบนจะต้องปิดสะเอื้องลา่งจะต้องปิดลงมาถงแข้ง การหมดต้องทามผ้าทั้งสองให้เสมอกัน และต้องไม่ปล่อยให้ผ้าเลื่อนไหลหลัง จากธรรมเนียมของพระภิษฐ์ ภิกษุณี กลายมาเป็นธรรมเนียมการนุ่งผ้าของหญิงไทย "ตั้งแต่โปราณมาล่วงนุ่งกันครึ่งหน้าแข้งกันนั้น เพราะฉะนั้นดิฉันมีในสมย puย่อตายายของรจึงไม่ค่อยมี ครานเรือนเป็นผู้ใหญ่ดั่งแต่ยายุ ๑๕-๑๖ ปี เรียม เมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จะพยายามนุ่งให้สุขภาพตามพระภิษฐ์ แมistเด็กเล็ก ๆ ก็เช่นกัน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง จะให้นุ่งกระโปร่งสั้น ๆ ฟ้า ๆ เพราะคิดว่าจะไม่เป็นไร ก็อดเตือนว่าจะไม่สมควร เพราะจะเพาะนิสัยชอบนุ่งข้างขึ้น และเหมือนกับช่วยเร่งให้เด็กโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วกว่านี้
เป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วกว่านี้ คือ หมดคูมไหล่การเร่งให้เด็กมีร่างกายเติบโต สุขภาพ
หลวงพ่อเกิดและโตในชนบท สมยั้น น้ำก็อน น้ำประปาไม่มี จะอาบน้ำแต่ทีี่ก็ต้องไปอาบที่แม่น้ำ ขออภัยเกิด ถอดเสื้อถอดกางเกงได้ก็ระโคสนั้น ๆ อย่างที่แม่เจ้าพระอาเห็นกันทุกวันนี้แหละ แก้ผ้ากระโดดกันจนกระทั่งอายุ ๑๕ ปี พอเริ่มจะเข้าอายุ ๑๕ ชักอายุ จึงนุ่งผ้าขาวม้าลงมาเล่นน้ำ