ข้อความต้นฉบับในหน้า
วิบากกรรมเก่าครั้งที่เคยเลยพระชาติเถิดเป็น 'ใสความว่า พระสัมมาสัมพูเจ้าเป็นคนฆ่านักเลงชื่อว่า 'มุนิพี' นาง ทำให้คนหลงเชื่อมากมาย แล้วพากันด่าผู้องค์ด้วยคำหยาบคาย
ในวันหนึ่ง 'มุนิพี' ไปเที่ยวปักเขื่อน ๆ แล้วเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าบ่าวว่า 'สุจิ' ซึ่งเป็นผู้มีทานานุภาพ แต่แทนที่จะเกิดความเมตตา กลับรู้สึกว่า พระองค์เอาแต่เดินเฉย ๆ ไม่ได้เทศสนใคร มีแต่จะรบกวนอาหารจากชาวบ้าน จึงได้กล่าวพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า 'ท่านเป็นพระทุศีล หมิ่วจิรหลอกชาวบ้าน ไม่ยอมทำมาหากิน มันแต่เที่ยวเดินออกอาหารจากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ
ด้วยกรรมนี้ ทำให้ 'มุนิพี' ตกนรก หมายหนทุกข์ทกรรมหลายพันปี จนมาในภพชาติสุดท้าย แม้พระองค์ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ตาม ก็ยังหนีกรรมมนั้นไม่พ้น ทำให้พวกเดียรฉฉาริเอารูป คิดหาทุบยางแผนใส่ร้าย โดยส่งรีพิกาซื่อ 'สนทรี' เดินเข้าเดินออกในวัดพระเชตวันอยู่ 2-3 วัน ทำที่พากไปพักอยู่ในพระคันธกุฎี เดี๋ยวพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นพวกเดียรฉฉาเจ้าจึงจ้างโจรให้ไปนาง แล้วนำพาไปโยนทิ้งไว้นานหลังพระคันถุติ และทำแผนชั่ว
"ดิใความว่า พระสัมมาสัมพุเจ้าเป็นคนฆ่านักเลงมากมาย แล้วพากันด่าปรามีคำหยาบเป็นจำนวนมากมายแล้ว
ชำร้ายไปว่านั้น พระพุทธองค์ยังเคยถูกด่าคำหยาบว่าด้วยคำหยาบคาย
กล่าวว่่าได้ยินใน พระค้นกุฏิร่วมกับพระองค์นางตั้งครรภ์ ทำให้ชาวบ้านนางส่วนหลงเชื่อ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะภาพในอดีต พระองค์เคยกล่าวว่าดูพระจะ อหันต้องคำนี้ “นันฺทะ” ด้วยยากรรมนี้ พระองค์จึงต้องตกนรกเสียทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนานถึงหนึ่งหมื่นปี จนเมื่อได้ มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ยังถูกกล่าวว่าดำมากมาย ไม้พงพลิ้งที่เป็นพระสัมมาสัมพุเจ้าแล้วก็ทรมานถึงกรรมก็ยังตามส่งผลให้พระองค์คุณางจูง- มานกิจากา กล่าวคู่ด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ตอบหน้าสาราณชน
จะเห็นว่า...แม้พระสัมมาสัมพูเจ้ายังถูกเสแสร้งเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ก็ตาม ก็ยังมีคุณค่าที่ใส ๆ หลายนี้เพียงนี้ แต่ทำให้ตกใจเป็นที่สุดคือ กลับมีจำนวนมากมายหลงเชื่ออีกด้วย!
มาในดูกันใน กับบาดลมเดี๋ยพระ- มหาราชินคลาจารย์ (ช่วง วรวุฒโณ) ซึ่งเป็นถึง
อยู่ในบุญ สิงหาคม ๒๕๕๙