ข้อความต้นฉบับในหน้า
จุดหลีกเลี่ยงการสังสรรค์ที่เกี่ยวกับการงานอย่างไรดี? และจะทำอย่างไรไม่ให้แปลกแยก?
อดมาเคยไปเมืองโคฟู ประเทศญี่ปุ่น ขากลับนั่งรถไฟกลับมาโตเกียว นั่งติดกับคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง เขาชวนคุยเลยคุยกัน เขาให้เดาว่าเขาอายุเท่าไร เลยบอกว่าประมาณ 40 เขายิ้มแล้วบอกว่าเขา 55 แล้ว ก็เลยถามว่าเขาทําอย่างไร เขาบอกว่าเขาไม่มีเม็ด แล้วเข่านอนหัวค่ำๆประมาณ 2 ทุ่ม ออกกําลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารถูกสุขลักษณะ ก็เลยได้ผลอย่างนี้
อดมาแปลใจเพราะรู้ว่า คนญี่ปุ่นชอบดิ่มเหล้ามาก เลิกงานจะต้องไปดื่มกัน ทั้งหัวหน้าแผนกทั้งลูกน้องเขาไปในร้านเหล้าพอเข้า ร้านเหล้าจ่ายไม่ทันดื่มเลยเริ่มเมาแล้ว เพราะวุ่ยใจที่ทำงานต้องมีระยาสังคม พอเข้า ร้านเหล้าดองหน้าก็สามารถได้ ดูน้องกอดคอเจ้าหน้าที่ได้ แล้วก็ไมฺใช่ปปรันเดียวนะ เสร็จร้านแรกแล้วไปต่อร้านที่สอง สามสี่มุ่ยค่อยตัวกระเป๋าโซชัดโซ่ขึ้นรถไฟกลับบ้าน
อดมาเลยถามเขาว่า เห็นคนญี่ปุ่นต้องสงคามกับลูกค้าและคนในที่ทำงานด้วยการไปรับดื่มกัน เขาไม่มีเสียงงานไหม เขาตอบว่าไม่เลยครับ ลางกอดต้นนิดเดียว ตอนที่คงไม่รู้ พอรู้ว่าไม่มี ครั้งแรกเขาก็แปลกใจ แต่พอคนในที่ทำงานรู้วาคนนี้มีดี เขาเลิกชวนลูกค้าก็เหมือนกัน แต่สิ่งที่เป็นการบริการลูกค้า เขาทำแบบสุดยอดไปเลย สุดท้ายพิสูจน์ว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดไม่ใช่การดื่มร่วมกัน แต่คือการบริการที่ดีที่สุดต่างหาก กลายเป็นว่าเขาคือคนที่มีผลงานดีและได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้บริหารบริษัท เจริญก้าวหน้าเกินในในเดียวกันเสียอีก สุขภาพก็ดี การงานก็ทําได้ดี ทุกอย่างดีหมด แต่ความสุขของเรา การงานดี ดิ่มเหล้าแล้วไม่เคยไปหาเรื่องใคร ยังมีความผิดอยู่ไหม?
ยังมีอยู่ บางคนคิดว่าราคาของเรา ปากก็ของเรา ท้องก็ตของเรา ดื่มแล้วไม่ใช่ทำให้ใครเดือดร้อน จะผิดอย่างไร ผิดสิ ผิดกฎหมาย ลองมาดูรายละเอียดแล้วจะพบว่า ถ้าเราดื่มเหล้าไปแก้วหนึ่ง แต่ยังไม่เมาแล้วไปขับรถ พอเป่าเอกอออร์สับ ผลออกมาในเครื่องตรวจพบว่าเอกอออร์ส แต่คุยเรื่องตำรวจจับไหม จบ ทำไมล่ะ เพราะว่าการแพทย์พิสูจน์ออกมาแล้วว่า ขณะดื่มเหล้าเข้าไป แม้ยังไม่เมา ยังรู้สึกปกติ้อย แต่ความจริงคือหย่อน ไปแล้ว คนทั่วไปก็บับรถแล้วมีอะไรไว้วัดหน้าพอดาเห็นบีบ สมองสังการกระทั่งหยิบเบรกล๊ใช้เวลาไม่เกิน 0.7 วินาที แต่พอดีเหล้าเข้าไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ได้เมา แต่การตัดสินใจใช่กลาง โอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น เพราะฉะนั้นจึงห้ามดื่มเหล้าก่อนขับรถ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
สิ่งนี้ให้เห็นว่า ขณะที่เราคิดว่า เราไม่เป็นอะไรเลย ยับยั้งอยู่ แต่ความจริงคือและความยั่งยืนใจของเราคงไปแล้ว การควบคุมกายจากใจของเราเองไปแล้ว มีความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายยิ่งกว่าที่มีสมมาก
ถ้ามาสมาชิกในครอบครัวติดสุรา เราต้องทำตัวอย่างไร?
ประการที่หนึ่ง อย่าไปดื่มด้วย ประการที่สอง ค่อย ๆ หาวิธีซึมให้เขาเลิก ถ้ากันจริงต้องขบให้เลิก เพราะดื่มแล้วมีการรวมไม่คุ้ม เลิกดีกว่า ดังนั้นจึงต้องดี