ข้อความต้นฉบับในหน้า
เสียดลูกอย่างไรให้ความรับผิดชอบ 73
อยู่ย่างนั้น ลำต้นโพธิ์ก็พิงโครงเหล็กอย่างสบาย ไม่เคยต้องรับแรง ลมแรงฝุ่นด้วยตนเอง ต้นจึงไม่ค่อยจะอวบไม่ค่อยจะโต จึงต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ บอกพระท่านว่าให้ออกเหล็กออกแล้ว ใช้ไม้รวกคอไม่ผ่าลำยาว ๆ ที่แข็งแรงมาปักแทน แล้วมัดต้นโพธิ์ไว้กับไม้รวก ไม่รวกแตกต่างกับโครงเหล็กคือ เมื่อลำครวลามมาไม้รวกก็โยนเอนเข้าไปเหมือนกัน มันทำหน้าที่สุดแรงปลายจากแรงลมแรงฝนให้กับต้นโพธิ์ แต่ว่าไม่ใช่ลงหลีอศูนย์ แต่ลงในระดับที่ต้นโพธิ์พอจุ่ง ตัวยืนต้นอยู่ได้ไม่ให้กากกลางไป พอลมต้นโพธิ์ก็โยนเอนในไปด้วย พายุมากเอนมากน้อย แต่ก็มีไมรวกคอยประคองไม่ให้หลีกไม่ให้ล้มไป
พอเปลี่ยนวิธีอย่างนี้ต้นโพธิ์เริ่มโตอวบขึ้นมาทันตาเห็นที่เดียวผ่านไปสัก 3-4 เดือนลำต้นโตเกือบเท่าโคนขาแล้ว เพราะพอเจอแรงลมแรงฝนอย่างนั้นเข้า มันรู้แล้วว่าจะต้องรีบปรับตัวเองสู้กับอุปสรรคที่โถมเข้ามา
การปลุกต้นโพธิ์นี้เทียบได้กับการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ ถ้าเลี้ยงแบบใช้ในหินระวังนอนทุกฝ้าม ควรไม่ให้ตรูปไม่ให้ตอม เด็กจะไม่รู้จักโตไม่รู้จักดูแลตัวเอง เพราะไม่เคยต้องรับผิดชอบตนเอง ไม่เคยต้องปะทะมรสุมในชีวิตด้วยตนเอง แต่ถ้าเราทำหน้าที่เป็นแบบไม่รวด คือ ลดแรงปล่อยให้ต่อย ๆ ให้เด็กเรียนรู้ เรามีเป้าหมายว่าเราจะดูแลเขาเพื่อให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่ให้เขาอาศัยเราไปตลอดชีวิต พอเขาโตแล้วเขาต้องยืนด้วยตัวเองได้ ต้นไม้ พอโตถึงจุดหนึ่งก็สามารถ
www.kalyanamitra.org