ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระพุทธศาสนามหายาน : เหตุใดคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงมีความหลากหลาย (3)
Mahāyāna Buddhism: Reasons for Diversity in the Buddha’s Teachings (3)
หน้า 233
ใจเล็ก ๆ แล้วก็จะมีความคิดว่า “อยากได้รับคำชมจากใครบางคน”
หรือ “รู้สึกเข้าท่าเข้าที่ได้มาเป็นอาสาสมัคร” ซึ่งเป็นความรู้สึกสำคัญ
ในตนเอง หรือแสวงหาการยอมรับ[24] เหมือนกันนะครับ
อาจารย์ : ถ้าเราสามารถทำความดีโดยลำพังโดยเลือก[26] เช่น
ความมุ่งมั่นเป็นสำคัญ[27] ไปได้ นั่น ย่อมไม่เป็นการเชื่อมต่อกับเรื่อง
ของ “กรรม” แต่การทำความดีโดยลำพังอัตตาเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย
คือ ไม่ว่าจะทำ [ความดี] อะไรก็ตาม ก็จะต้องมีความคิดว่า
“เราทำสิ่งนี้เพื่อผู้อื่น” หรือ “เราอยากได้คำนชมจากผู้อื่น”
ซึ่งพลังที่เกิดจากการทำ “กุศลกรรม” หรือ “อกุศลกรรม” ด้วยความ
ตั้งใจว่า “เราได้ทำสิ่งนี้สิ่งหนึ่ง” นั่นก็คือ เราเรียกว่า “กรรม”
ดังนั้น พระศายมนุพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ในภายตงรวจรงสารวู
และมีนพานเป็นเป้าหมาย จิไม่ใช่เป็นการทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม” กล่าวคือ “อย่าได้สร้างกรรมอันเป็นต้นเหตุ [ของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ]” และให้ตั้งใจเจริญสมาธิภาวนา เพื่อยุติวงจร
สงสารวัฏ” นี้คือ หลักการสำคัญใน “พระพุทธศาสนาของพระศายมานุ”
และจากหลักการสำคัญนี้ จะเห็นได้ว่า แนวคิดใน “ปรัชญาปรมิตา-สูตร” ดูจะย้อนแย้งกัน กล่าวคือ “เราได้พบกับพระพุทธเจ้าในอดีติ
ได้ตั้งปฐฐาน [เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า] และได้เป็นพระโพธิสัตว์
ภายหลังจากนั้น ในวงจรการเวียนว่ายตายอันยาวนาน ด้วยการ
________________
24 ผู้แปล : ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 自己愛 (jiko ai)
25 ผู้แปล : ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 承認欲求 (shōnin yokkyū)
26 ผู้แปล : ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 鏡 (yoroi) โดยทั่วไปแปลว่า “ชุดเกราะ”
แต่ในบริบทนี้ ผู้แปลเลือกที่จะใช้คำว่า “เปลือก” แทนคำแปลโดยทั่วไป
27 ผู้แปล : ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 自我意識 (jiga ishiki)