ข้อคิดการเลือกกิจกรรมให้ลูกในช่วงปิดเทอม วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน เมษายน พ.ศ.2555 หน้า 90
หน้าที่ 90 / 132

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงวิธีการเลือกกิจกรรมสำหรับเด็กในช่วงปิดเทอม โดยเสนอข้อดีของการให้เด็กไปอยู่กับปู่ย่าตายาย ซึ่งช่วยเพิ่มความคุ้นเคยและความอบอุ่นให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังเน้นถึงความสำคัญในการใช้เวลาช่วงปิดเทอมให้มีประโยชน์ โดยพ่อแม่ควรตัดสินใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และกิจกรรมที่เหมาะสมให้กับลูกเพื่อสร้างทักษะที่สำคัญสำหรับอนาคต เช่น ความสามารถในการวิเคราะห์และวิจารณญาณ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต และซัมเมอร์ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากในการพัฒนาและเรียนรู้.

หัวข้อประเด็น

-ประโยชน์ของการอยู่กับญาติผู้ใหญ่
-การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม
-การใช้เวลาช่วงปิดเทอมอย่างมีคุณค่า
-การพัฒนาทักษะชีวิตในเด็ก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

៨៨ ข้อคิดรอบตัว เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ (M.D., Ph.D.) จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC ochrym วิธีเลือกกิจกรรมให้ลูก รับปิดเทอม การพาเด็กไปอยู่กับปู่ย่าตายายในช่วง ปิดเทอมเหมือนในอดีตมีข้อดีอย่างไรบ้าง การไปอยู่กับปู่ย่าตายายหรือญาติผู้ใหญ่มีข้อดี ๒ ประการ คือ ๑. ได้ความคุ้นเคยกับญาติผู้ใหญ่ ส่วนญาติผู้ใหญ่ก็รู้สึกอบอุ่น ๒. ได้ธรรมะและข้อคิด ในการดำเนินชีวิตจากผู้ใหญ่ แต่ตรงนี้ต้องดูด้วยว่า ผู้ใหญ่บางท่านก็คุ้นกับการมีลูกหลานมาอยู่ด้วย แต่ บางท่านไม่คุ้น ถ้ามีลูกหลานมาอยู่ด้วยหลาย ๆ เดือน แล้วท่านไม่รู้จะทำอะไรกับลูกหลานดี อาจจะกลาย เป็นว่าเด็กไปอยู่กับท่านแค่ตัว แล้วก็ไปนั่งเล่นเกมอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องตอบตัวเองให้ ชัดก่อนว่า อยากให้ลูกได้อะไรในช่วงซัมเมอร์ เอา ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับลูกเป็นตัวตั้งก่อน แล้วค่อย หารูปแบบกิจกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมมา รองรับ โดยคำนึงถึงเงื่อนไขอื่น ๆ ประกอบด้วย ถ้าอย่างนี้มีข้อดีร้อยละ ๘๐ สมมุติไปอยู่กับคุณปู่ คุณย่า คุณตาคุณยาย มีข้อดีในแง่ศักยภาพที่จะเพิ่ม ขึ้นมาร้อยละ ๘๐ คุณปู่คุณย่าก็รู้สึกดี ให้บวกตรงนี้ เข้าไปด้วย เป็นคะแนนจากจุดสตาร์ท แต่ถ้าไปเข้า แคมป์ ในแง่ศักยภาพอาจจะได้ขึ้นมาร้อยละ ๘๕ แต่จะไม่ได้เรื่องความสัมพันธ์กับญาติผู้ใหญ่ บวกลบ คูณหารแล้วอะไรคุ้มกว่า ก็ตัดสินใจเลือก แต่ต้อง มีทิศทางเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนโดยมีหลักดังต่อไปนี้ ถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่าชีวิตคนเราหมดเวลา ไปกับเรื่องจุกจิกมากมาย เช่น ตื่นขึ้นมาก็ล้างหน้า แปรงฟัน ขึ้นรถไปโรงเรียน คุยกับเพื่อน คุยโทรศัพท์ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ แวะดูหนังสือพิมพ์บ้าง ทำนั่น ทำนี่บ้าง วันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมง หมดไปกับเรื่องจุกจิก อาจจะสองในสาม เหลือเวลาที่จะใช้ในการทำงาน จริง ๆ ไม่มากและในเวลาทำงาน ๗-๘ ชั่วโมง ก็ หมดไปกับงานจุกจิกอีกเยอะ เหลือเวลาทำงานเป็น ชิ้นเป็นอันอาจจะแค่ ๒-๓ ชั่วโมง เท่านั้น นั่นคือชีวิต จริงของคนเรา แม้แต่การเรียนหนังสือก็เหมือนกัน วันหนึ่งอาจจะหมดเวลาไปกับเรื่องจุกจิก คือเนื้อหา ที่เรียนแล้วก็ลืม กลายเป็นว่าสิ่งที่ได้ใช้จริง ๆ เหลือ อยู่แค่นิดหน่อย ที่เหลืออยู่กับตัวเราจริง ๆ คือ การ พัฒนาทักษะที่เรียกว่าสามัญสำนึก วิจารณญาณใน การตัดสินใจเรื่องราว ความสามารถในการวิเคราะห์ เหตุผล ความสามารถในการจับประเด็น ตรงนี้เป็น ทักษะที่ติดตัวและใช้ได้ยาวนานจริง ๆ พอเราเห็นอย่างนี้เราจะพบว่าช่วงซัมเมอร์เป็น เวลาทองเลย ถ้าเราอยากให้ลูกประสบความสำเร็จ ในชีวิต มีความสุขในชีวิต เราต้องคิดว่าควรจะใช้ เวลาทอง ๒-๓ เดือนนี้ เพิ่มพูนทักษะอะไรของลูก บ้าง ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิตจริง ๆ เพราะ เวลาในช่วงนี้ไม่ได้ผูกพันด้วยหลักสูตรใด ๆ ของ โรงเรียน เราบริหารจัดการได้เต็มที่ด้วยตัวของเรา กับลูก เมื่อมองอย่างนี้แล้วจะพบว่า ซัมเมอร์เป็น เวลาที่สำคัญมาก ๆ ถ้าใช้ดี ๆ แล้ว จะเป็นเสมือน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More