ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมและความสำคัญของการทำดี วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มีนาคม พ.ศ.2555 หน้า 88
หน้าที่ 88 / 132

สรุปเนื้อหา

ในขณะที่บางคนทำดีและประสบอุปสรรคจากกรรมชั่วในอดีต บางคนทำชั่วและได้รับผลดี ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องกรรม ความดีและกรรมชั่วไม่ได้สูญหาย แต่อาจมีการส่งผลในเวลาต่างกัน คำสอนของพระพุทธเจ้าช่วยให้เข้าใจว่าความดีสามารถนำไปสู่ความสุขและความทุกข์จากกรรมชั่วจะตามมาในเวลาที่เหมาะสม การอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้อเฟื้อและความเข้าใจ สามารถช่วยลดปัญหาสังคมได้อย่างยั่งยืน

หัวข้อประเด็น

- ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม
- ผลของกรรมดีและกรรมชั่ว
- ความสำคัญของการทำดีในชีวิต
- การเรียนรู้จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๘๖ แต่สิ่งที่เรามักสงสัยที่ทำให้เกิดความลังเลใจว่า กฎแห่งกรรมมีจริงหรือไม่ ก็เป็นเพราะ จังหวะเวลาในการส่งผลของกรรมในอดีต ไม่สอดคล้องกับการกระทำกรรมในปัจจุบัน เช่น ในขณะที่บางคนกำลังทำความดีอยู่ แต่กรรมชั่วในอดีตตามมาส่งผลก่อน ทำให้ต้องพบ อุปสรรคความยากลำบากต่าง ๆ ในขณะที่กำลังตั้งใจทำความดี จึงทำให้บางคนเข้าใจผิดว่า ทำดีได้ชั่ว แล้วก็พาลเลิกทำความดีไป ในขณะเดียวกัน บางคนกำลังทำความชั่วอยู่ แต่ กรรมดีในอดีตตามมาส่งผลพอดี ทำให้ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคปัญหาใด ๆ จึงทำให้ ๆ เข้าใจผิดไปว่า ทำชั่วได้ดี จังหวะเวลาในการส่งผลของกรรมในอดีตนี้เอง ที่ทำให้คนเรา สับสนและเข้าใจผิด จนขาดความเชื่อมั่นในเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ถ้าเราศึกษาต่อไปก็จะพบว่า แม้ว่าบางครั้งจังหวะเวลาการส่งผลกรรมในอดีต จะไม่สอดคล้องกับการกระทำกรรมในปัจจุบัน แต่ความดีกับความชั่วที่ทำไว้นั้น ไม่ได้ สาบสูญไปไหน แต่จะไปรวมส่งผลเป็นภาพกรรมนิมิตก่อนตาย ฉายให้เราดูอยู่คนเดียว ถ้าทำกรรมชั่วไว้มาก ภาพกรรมนิมิตนั้นก็จะฉายให้เราเห็นแต่ความชั่วที่ตัวทำ ส่งผล ให้ใจเศร้าหมองก่อนตาย มิใช่เพียงเท่านั้น ภาพกรรมนิมิตนั้นยังชักนำให้ดวงวิญญาณ ของเราไปเกิดในอบายภูมิอันทุกข์ทรมานนานแสนนานอีกด้วย แต่ถ้าทำกรรมดีไว้มาก ภาพกรรมนิมิตที่ฉายให้เห็นก่อนตาย ก็จะฉายแต่ภาพการทำความดีของเรา ซึ่งจะส่งผลให้ ใจผ่องใสด้วยความปลื้มปีติ ยิ่งกว่านั้นยังจะนำให้ไปเกิดในเทวโลกตามระดับความดีที่เรา ทําไว้ แท้ที่จริงนั้น ในทันทีที่เราสร้างกรรม ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม กรรมนั้นได้ ถูกบันทึกไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่จังหวะเวลาที่จะส่งผลช้าหรือเร็วเท่านั้น ถ้าเป็น กรรมดีก็จะส่งผลให้เป็นความสุข ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จะส่งผลเป็นความทุกข์ กรรมที่ทำไว้ จึงไม่มีทางสูญหายไปไหนอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสเตือนว่า ตราบใดที่ผลวิบากกรรมชั่วยังไม่ส่ง ผล คนพาลย่อมสำคัญว่าการทำบาปมีรสหอมหวานเหมือนน้ำผึ้ง แต่เมื่อใดวิบากกรรมชั่ว ส่งผล คนพาลจึงได้รู้ว่า การทำความชั่วให้ผลเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ดังนั้น พระองค์จึงทรงสอนให้เรามีความสำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมในอาชีพ และ สำรวมใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องประสบความทุกข์ยากจากการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดในอนาคต เพราะความไม่รู้ว่ากฎแห่งกรรมมีอยู่จริง ขณะเดียวกันก็ทรงสอนให้รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่ในปัจจุบันชาติด้วยการแบ่งปัน สงเคราะห์ และยกย่องคนดี อันจะเป็นการช่วยลด ปัญหาทุกข์จากการดำรงชีพและปัญหาทุกข์จากการอยู่ร่วมกันอย่างได้ผลที่รวดเร็วและ ยั่งยืนในระยะยาวนั่นเอง นี้คือความสำคัญของสัมมาทิฐิ ๔ ข้อแรก ที่เป็นแสงเงินแสงทอง ของชีวิตที่จะพบความสุขความเจริญในปัจจุบัน 2 อุปปลวัณณาเถรีวัตถุ, ขุ. ธ. ๒๕/๖๙/๕๘ (มจร.) (อ่านต่อฉบับหน้า)
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More