ข้อความต้นฉบับในหน้า
4. บทฝึกที่จะทำให้เกิดความอดทนต่อการกระทบกระทั่งในการ
ทํางานร่วมกันได้อย่างดี ก็คือการฝึกความละเอียดลออในการใช้
ปัจจัยสี่
อีกพวกหนึ่งก็คือ
ก็คือคนที่ต้องการให้ใคร ๆ เขาชมอยู่เรื่อย พอไม่ได้รับคำชม ก็มีอาการจะเป็น
จะตายขึ้นมา แล้วก็กลายเป็นเรื่องจุกจิกกระทบกระทั่งกัน จนเป็นสาเหตุให้ทีมเวิร์กพังลงได้
หมู่คณะใดมีทีมเวิร์กที่ดี นั่นก็หมายถึงว่า หมู่คณะนั้นมีผู้ร่วมทีมที่มีความอดทนต่อการ
กระทบกระทั่งและคำสรรเสริญเยินยอได้มากกว่านั่นเอง
บทฝึกที่จะทำให้เกิดความอดทนต่อการกระทบกระทั่งในการทำงานร่วมกันได้อย่างดี ก็คือ
การฝึกความละเอียดลออในการใช้ปัจจัยสี่ พวกเราเคยสังเกตไหมว่า เวลาทำงานร่วมกัน เพียงแค่
สมาชิกคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในทีม หยิบเครื่องไม้เครื่องมือไปใช้ทำงานแล้วไม่เอากลับมาไว้ที่เดิม
หรือเอากลับมาไว้ที่เดิมเหมือนกัน แต่ไม่ทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพียงแค่นี้ก็เกิดการกระทบ
กระทั่งกันแล้ว ทำให้งานใหญ่เกิดความเสียหายได้เช่นกัน
การที่คนใดคนหนึ่งจะมีลักษณะนิสัยละเอียดลออ หยิบสิ่งของเครื่องใช้มาใช้ เสร็จแล้วก็ทำ
ความสะอาด นำกลับไปไว้ที่เดิมให้เรียบร้อย ไม่ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ก่อภาระให้คนอื่นต้องมาตาม
ล้างตามเก็บในภายหลัง ใครที่ฝึกตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ นั่นก็หมายความว่า เขาต้องฝึกการดูแล
การใช้ข้าวของส่วนตัว ทั้งเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มก็เก็บพับเรียบร้อย รับประทานอาหารก็มีมารยาท
มื้อไหนมีของอร่อยก็แบ่งปันกันให้ทั่ว ๆ ไม่ใช่เจออาหารถูกปากก็ตักกินคนเดียวหมด อาหารที่
ไม่ถูกปากก็ปล่อยให้ชาวบ้านกินไป เมื่อรับประทานเสร็จก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดอย่างดี
การฝึกฝนอบรมตนเองอย่างนี้จะทำให้เป็นคนไม่เอาแต่ใจตัวเมื่อไม่เอาแต่ใจตัวก็เลยกลายเป็น
คนที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความอดทน ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งไป
ในตัว
ๆ
ถ้าเราผ่านไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นบ้านใคร หรือแผนกงานใด แค่เห็นไม้กวาดที่เขากวาดบ้าน
หรือกวาดพื้นถูกวางทิ้ง ๆ ขว้าง สายยางรดน้ำใช้แล้วก็ไม่พูดไม่ม้วนให้เรียบร้อย ผ้าขี้ริ้วใช้
แล้วก็ไม่ซักไม่ตากในที่ที่เหมาะสม สันนิษฐานได้เลยว่า บ้านหลังนั้นจะต้องมีการกระทบกระทั่ง
กันอยู่เป็นประจำ
แต่ถ้าเราผ่านไปบ้านไหน เห็นเขาเก็บสิ่งของไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยดีหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
ก็รู้ไว้เถอะว่าในความมีระเบียบของคนในบ้านนั้น เขาได้ฝึกฝนอบรมคนของเขาให้มีความอดทน
ต่อการกระทบกระทั่งเป็นอย่างดีแล้วด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นก็เลยไม่มีการ
ตำหนิกัน ไม่มีการจับผิดกัน อาการหิวคำชมจึงไม่เกิดขึ้น
คนที่หิวคำชม ต้องการแต่คำสรรเสริญเยินยอ ก็แสดงว่าถูกด่าถูกตำหนิมามาก จึงอยาก
จะให้ใครเขามาชมบ้าง แต่ถ้าใครทำทุกอย่างดี เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็มักได้คำชมเป็นปกติ
ไม่เคยถูกตำหนิ จึงไม่ต้องไปโหยหาคำชมกันอีก
ถ้าใครคิดว่า ตนเองยังอดทนต่อการกระทบกระทั่งได้ไม่ดีพอ ก็ให้กลับมาเคี่ยวเข็ญตนเอง