ข้อความต้นฉบับในหน้า
จากการสังเกตเรื่องนี้ ทั้งจากในอดีตที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก และในยุคปัจจุบันที่
หลวงพ่อสังเกตเห็น ก็สรุปสาเหตุได้ว่า ผู้ที่ปฏิบัติธรรมได้ดีแม้เพิ่งเข้าวัดมาไม่นานนั้น เป็นเพราะว่า
เขาฝึก “ฆราวาสธรรม” เป็นพื้นฐานนิสัยประจำตัวมาแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าวัด
ฆราวาสธรรม ประกอบด้วยหลักธรรม ๔ ข้อ ได้แก่
๑) สัจจะ หมายถึง ความรับผิดชอบ
๒) ทมะ หมายถึง ความรักในการฝึกฝนอบรมตนเอง
๓) ขันต หมายถึง ความทรหดอดทน
๔) จาคะ หมายถึง ความเสียสละเพื่อส่วนรวม
๑) คนมีสัจจะ คือ คนมีความรับผิดชอบ โดยย่อแบ่งเป็น ๓ ประการ
๑.๑) สัจจะต่อหน้าที่และการงาน
ผู้ที่มีสัจจะต่อหน้าที่การงาน จะมีลักษณะว่า เมื่อรับงานไปแล้ว ต้องมีความจริงจัง ถ้าทำ
ไม่เสร็จก็ไม่ใช่เรา และเมื่อทำแล้วก็ต้องดีด้วย
๑.๒) สัจจะต่อบุคคลและวาจา
คนมีสัจจะต่อบุคคลและวาจา คือ คนที่มีความจริงใจ ไม่ว่าจะกับคนกันเอง หรือคนอื่น
ที่มาทำงานร่วมกับเรา หรือมาเป็นแขกของเรา เรารักตัวเองอย่างไร ก็ต้องจริงใจกับเขาอย่างนั้น
วาจาแต่ละคำต้องสะท้อนความจริงใจที่มีต่อเขา พูดคำไหนก็คำนั้น พูดว่าใช่ก็คือใช่ (Yes = Yes)
พูดว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ (No = No)
การที่ใครพูดจาอะไรกับผู้อื่นแล้ว ไม่คำไหนคำนั้น ก็แสดงว่าสัจจะต่อวาจายังไม่ดีจริง เช่น
บางคนพูดว่าใช่ก็คืออาจจะ (Yes = May be) พูดว่าไม่ก็คืออาจจะ (No = May be) ตกลง
ไม่มีอะไรแน่นอน คนที่พูดอาจจะ (May be) บ่อย ๆ ในที่สุดแล้วเขาก็จะกลายเป็นศรีธนญชัย
พูดจาแก้ตัวไปวัน ๆ หาความน่าเชื่อถือไม่ได้เลย
บทสรุปที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไว้ คือพูดอย่างไรทำอย่างนั้น ทำอย่างไรพูดอย่างนั้น คือ
พูดจริงทำจริง ถึงจะเรียกว่ามีความจริงใจต่อบุคคลและวาจา
๑.๓) สัจจะต่อความดี
คนมีสัจจะต่อความดี คือ คนที่ปฏิบัติอย่างจริงแสนจริงต่อการรักษาศีลในเพศภาวะของตน
ถ้าเพศภาวะของตนเป็นพระ ก็ตั้งใจรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ อย่างเคร่งครัด ถ้าเพศภาวะของตน
เป็นอุบาสกอุบาสิกาอยู่ในวัด ก็ตั้งใจรักษาศีล ๔ ข้อ อย่างเคร่งครัด ถ้าเพศภาวะของตนเป็น
ผู้ครองเรือน ก็ตั้งใจรักษาศีล ๕ ข้อ อย่างเคร่งครัด ถึงจะเป็นผู้มีความจริงแสนจริงต่อความดี
สัจจะต่อความดีนี้ ทำให้โจรกับนักสร้างบารมีมีความแตกต่างกัน โจรที่พูดจริงทำจริงก็มี
แต่ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นความจริงที่เลว แต่นักสร้างบารมีทำแต่ความดี ก็ต้องเป็นคนพูดจริง ทำจริง
ดีจริง และต้องดีจากเนื้อใน ไม่ใช่ดีแค่คำพูด ซึ่งถ้าดีแค่คำพูดแต่ยังไม่ลงมือทำ ก็เท่ากับยังไม่ดี
จริง
๖๕