ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่กี่วัน ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก จึงวิ่งไปจ่ายค่ายาเหมือนเดิมอีก โดยที่ไม่ได้สังเกตเลย
ว่า ความร้อนความหนาวที่กำเริบขึ้นมาในตัวเรานั้น เกิดขึ้นจากสาเหตุใด ถ้าเราไม่รู้จัก
สังเกตสาเหตุตรงนี้ ก็จะต้องจ่ายค่ายาค่ารักษาพยาบาลอยู่เรื่อยไป เพราะจะมีอาการเป็น ๆ
หาย ๆ อยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิต จนกลายเป็นโรคเรื้อรังประจำตัว ซึ่งนอกจากจะต้อง
สูญเสียเงินไปโดยไม่สมเหตุสมผลแล้ว ยังอาจจะเป็นคนไร้สมรรถภาพในการประกอบ
กิจการงานอีกด้วย
ในทางกลับกันหากเรารู้จักสังเกต ก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น ถ้าเราไป
ถามแพทย์ว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ความร้อนความหนาวกำเริบขึ้นในตัวของคนเรา ก็
จะได้คำตอบว่า เพราะเหตุที่เซลล์ในร่างกายของเราตายไป ๓๐๐ ล้านเซลล์ในทุก ๑ นาที
จึงทำให้อาการหนาวร้อนกำเริบขึ้นมาในตัวเรา ถ้าไม่รีบแก้ไขก็อาจจะกลายเป็น ๓,๐๐๐
ล้านเซลล์ ๓๐,๐๐๐ 5 ล้านเซลล์ ถ้าปล่อยเอาไว้โดยไม่แก้ไข เซลล์ในร่างกายก็จะตายไปทั้งหมด
ดังนั้นแพทย์จึงต้องรีบรักษา โดยจ่ายยามาให้คนไข้กิน เพื่อระงับอาการร้อนหนาวให้อยู่
ในภาวะปกติ คนไข้จึงจะรอดตาย
อย่างไรก็ตาม ถ้านำเรื่องนี้ไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้คำตอบที่
ลึกซึ้งจากการตรัสรู้ธรรมของพระองค์ว่า อาการหนาวร้อนที่กำเริบขึ้นในสรีระของคนเรานั้น
แท้จริงเกิดจาก “ธาตุ ๔” ในตัวของคนเรายังไม่บริสุทธิ์ ทั้งธาตุดิน ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุไฟ
ที่ประกอบขึ้นเป็นเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ ล้วนยังเป็นธาตุที่ไม่บริสุทธิ์ จึงตกอยู่ใน
สภาวะเสื่อมสลายไปอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ไม่เฉพาะตัวคนเราเท่านั้น ธรรมชาติทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น
สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม ล้วนประกอบขึ้นจากธาตุไม่บริสุทธิ์ทั้งนั้น ย่อมมีการแตกสลาย
ไปตามกาลเวลา ทุกชีวิตในโลกนี้จึงไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นยาจก เศรษฐี
พระราชา พระเจ้าจักรพรรดิ ล้วนแต่ต้องตายกันหมดทั้งสิ้น หรือแม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ของเรา กายเนื้อของท่านก็ยังต้องแตกสลายไปตามกาลเวลา นี่ก็คืออาการหนาวร้อนที่
ทำให้ร่างกายมีการแตกสลาย เพราะธาตุทั้ง ๔ ไม่บริสุทธิ์นั่นเอง
จากการเรียนวิชาพุทธประวัติ เราเคยได้ทราบมาว่า เจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่ใน
วัง ๓ ฤดู ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวังฤดูร้อน วังฤดูฝน วังฤดูหนาว ล้วนแล้วแต่มีหญิงสาวแรกรุ่น
หน้าตางดงาม คอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไม่
ว่าจะเป็นกษัตริย์องค์ไหน หรือบุรุษคนใดก็อยากจะได้อาศัยอยู่ในวัง ๓ ฤดูแบบนี้ แต่ทว่า
เจ้าชายสิทธัตถะทรงพิจารณาเห็นความจริงในชีวิตของคนเราว่า การลุ่มหลงมัวเมาอยู่ใน
สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เพราะทุกชีวิตในวัง ๓ ฤดูนี้ ล้วนแต่ต้องแก่ ต้องตายกัน
ทุกคน
เพราะฉะนั้น เมื่อท่านมีพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา พอได้จังหวะก็ฉวยโอกาสเสด็จ
ออกจากวัง กระโดดขึ้นม้ากัณฐกะควบเข้าป่าออกบรรพชา เพื่อหาสาเหตุและทางแก้ทุกข์
จด