ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปกติอีก ซึ่งพอทำได้อย่างนี้ก็คิดบวกต่อไปอีกว่า ท่อง "สู้มา อะระหยัง" ช่างดีอะไรกนนี้ท่องแล้วให้เขาาได้ด้วย
จากนั้น ท่านก็เดินเหาะ ๆ ลอย ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างเบิกบานใจ จนกระทั่งไปจนรู้จัก ๒ คน คนแรกเดินอยู่ข้างหน้า ส่วนคนที่สองเดินอยู่ข้างหลัง อย่าห่างกันแค่ ๒ เมตร ก็เลยดีใจ คิดจะไปบอกเขาว่าเขาอาคเดิดเข้าแล้ว คืออาคได้ท่อง "สู้มา อะระหยัง" แล้ว จะเหาะได้เพราะอยากจะให้เขาเหาะได้เหมือนตัวท่านเอง แต่ทันทีที่ท่านนึกโทษเรียก ทั้งสองคนนั้นก็กลับ ไม่ใครโผล่ตอบหรือบอกมามองเลยสักคน เพราะเขาไม่ได้ยิน เมื่อเป็นอย่างนี้เลยทำให้ท่านไม่พอใจทำไมเรียกแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรนั่นบ้างเลย
ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านละเอียดย่อยของท่านเกิดอาการงงงงงง งั้นลองเปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่ คือเดินไปนอากาศแล้วเอาเท้าเหยียบบ่าอยู่ข้างหน้าเสียเลย เพราะอยากไม่หันมองดัน ทำให้คนอยู่ข้างหน้าเขาเม้นหน้าคงมองมองเห็นตนได้แล้ว จึงเกิดกังวลใจขึ้นมาใหม่ว่า งั้นเราควรรีบบอกอาคเดิดให้เขาท่อง "สู้มา อะระหยัง" แล้วเขาจะได้เหาะได้ดีกว่า
แต่ที่ไหนได้ ขณะกำลังจะอ้าปากบอก สองคนนั้นถ่านอ้าช้อน วิ่งหนีปราบ พร้อมกับตะโกนว่า "ผีหลอก!"
เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนั้น กายละเอียดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเดินเรื่อยเปื่อย และไปเจอยายแก่รู้กันอีก จากนั้นก็ใช้การดมดื่น คืดินไปขยาดไม่อยู่ข้างหน้า เพราะคิดว่า วิธิ้นเป็นวิธีที่จะทำให้เขาแก่หมมองได้ แต่ที่ไหนได้ ยายแกลคนีเจนโลก คือไม่เหมือนชายสองคนที่แล้ว เพราะแก่ไม่คลี่ง พอแกเห็นมันไม่สนับเองได้ แกก็การดวเลยว่า “เอ๋ย มา หลอกได้แม่ก็ยังคนแก่” หลอกแม่กระทั่งกลางวัน ด่างอย่างนี้อย่างนี้ ไว้ขายยกใหญ่ จนทำให้กายละเอียดหมดอารมณ์ เกิดอาการไม่พอใจ พลางคิดว่าดูด่าสำหรวดดี กะจะเอาคาถา คำว่า “สู้มา อะระหยัง” เหาะได้ มาเอา ทำไมถามถึงงันนี้ พอคิดอย่างนี้ก็เลยเดินเข้าไปใกล้ๆ แกว่าจะแกะแท่เหยียบบ่าแกเหมือนที่เหยียบชายคนนั้นเมื่อกี้ แต่คิดไปคิดมามืออกกับตัวเองว่าถ่อยดีกว่า เพราะเมื่อกี้เหยียบบ่านูที่มันเบา ๆ เข้าข้างหน้าจะมายให้ถึงขนาดนั้น แต่นิยายนแก่แกแล้ว เดี๋ยวเกิดล้มแล้วตายขึ้นมาจะบาปเปล่า ๆ เมื่อคิดดั่งนั้นแล้วกายละเอียดเลยอยท่พักบ้านตัวเองดีกว่า
กุมภาพันธ์ ๒๔๕๙ อยู่ในบุญ ๓๖