การพัฒนาระบอบคอมมิวนิสต์และผลกระทบต่อสังคม วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กันยายน พ.ศ.2552 หน้า 97
หน้าที่ 97 / 128

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงความล้มเหลวของแนวคิดคอมมิวนิสต์ในประเทศต่างๆ ตั้งแต่สหภาพโซเวียตจนถึงจีนและเวียดนาม ซึ่งเน้นถึงบทบาทของแรงจูงใจในระบบเศรษฐกิจ การที่คนทำงานโดยไม่มีความก้าวหน้า ส่งผลให้การผลิตตกต่ำ อีกทั้งยังกล่าวถึงความสำเร็จของจีนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเมื่อเปลี่ยนแนวคิดไปสู่ระบบการตลาดและให้แรงจูงใจต่อประชาชน โดยพิสูจน์ว่ารัฐบาลทุกชุดมีข้อบกพร่อง แต่ควรพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยไม่ปล่อยให้การโฆษณาชวนเชื่อกลายเป็นตัวฉุดรั้งสังคม

หัวข้อประเด็น

-การวิเคราะห์ระบบคอมมิวนิสต์
-แรงจูงใจในการทำงาน
-การพัฒนาเศรษฐกิจจีน
-การบริหารประเทศและความก้าวหน้า
-ข้อบกพร่องของรัฐบาลต่างๆ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทันโลก ทันธรรม มากทีเดียว โดยเฉพาะปัญญาชน จนสุดท้ายสามารถ ปฏิวัติรัสเซียให้กลายเป็นประเทศแรกที่ปกครองด้วย ระบอบคอมมิวนิสต์ แล้วก็แพร่ระบาดไปจีน คิวบา เกาหลี เวียดนาม และประเทศต่าง ๆ ครึ่งค่อนโลก กว่าจะพิสูจน์ความจริงว่า ระบอบคอมมิวนิสต์นี้ ไม่เวิร์ก ประเทศสหภาพโซเวียตก็ต้องล่มสลาย กลายเป็น ๑๕ ประเทศ จนถึง ณ เวลานี้ ทั้งโลก แทบไม่มีใครเชื่อแล้วว่า ระบอบการปกครองแบบ คอมมิวนิสต์จะสามารถเอื้ออำนวยต่อการพัฒนา เศรษฐกิจได้จริง แม้ยังมีบางประเทศที่ยังปกครอง ด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อยู่ เช่น จีน เวียดนาม แต่ก็หันมาพัฒนาเศรษฐกิจด้วยระบอบทุนนิยมทั้งสิ้น แต่ด้านการเมืองยังไม่เปิดกว้าง พรรคคอมมิวนิสต์ ยังผูกขาดการปกครองประเทศ ถามว่าอะไรคือความบกพร่องของแนวคิด คอมมิวนิสต์ หลักสำคัญอย่างหนึ่งที่เขามองข้ามไป คือ เรื่องของแรงจูงใจ พอทุกคนทำอะไรแล้วได้ เท่ากันหมด คนจะมีแรงจูงใจอะไรในการทำงาน ทำงานมากก็ได้เท่าเดิม ทำงานน้อยก็ได้รับผล ตอบแทนเท่าเดิม คนก็เลยไม่ค่อยทุ่มเทในการทำงาน ผลโดยรวมก็คือ การผลิตตกต่ำลง ระบบทุกอย่าง แย่ไปหมด ดังนั้น เมื่อเติ้ง เสี่ยว ผิง มากอบกู้ เศรษฐกิจประเทศจีน เริ่มใช้แนวคิดที่ว่า แมวสี อะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน แล้วเริ่มเอา เศรษฐกิจระบบการตลาดเข้ามาใช้ เริ่มให้ประชาชน มีที่ดินส่วนตัว ใครปลูกอะไรได้ก็เอาไปขายเป็น สมบัติส่วนตัว ไม่ใช่ส่วนกลางแบบคอมมิวนิสต์ ปรากฏว่า ๒ - ๓ ปีผ่านไป ผลผลิตจากแปลงเล็ก ๆ ของแต่ละคนให้ผลมหาศาลจนแทบจะเลี้ยงคนทั้ง ประเทศได้ เพราะทุกคนทุ่มเททำเต็มที่ รู้ว่าทำแล้ว เป็นของตัวเอง นี่คือเรื่องแรงจูงใจ ฟังเผิน ๆ ระบอบคอมมิวนิสต์ดีมาก ยุติธรรม ๆ เท่าเทียม คิดถึงประชาชนส่วนใหญ่ แต่ผลออกมา ก็คือ ประชาชนทุกคนจนเท่ากันหมด ชนชั้นนายทุน หายไป มีอภิสิทธิ์ชนเกิดขึ้น คือ ชนชั้นปกครอง กลุ่มเล็ก ๆ กับอีกกลุ่ม คือ ประชาชนทั่วไปที่จน เหมือนกันหมด คนที่เห็นด้วยกับระบอบคอมมิวนิสต์ มากที่สุด ก็คือคนมีความรู้ เพราะฟังเหตุผลแล้วดูดี กว่าจะพิสูจน์ได้ผ่านไปตั้ง ๗๐ กว่าปี มีคนได้รับ ผลกระทบจากเรื่องนี้หลายพันล้านคน นี่คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้น แล้วถ้ามองว่าหน้าที่ของรัฐบาลคืออะไร คือ การบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าเป็นหน้าที่หลัก ถ้าหากมีใครมาบอกว่า รัฐบาลไม่ดี บกพร่องเรื่องนั้น เรื่องนี้ ความจริงก็คือ ทุกรัฐบาลในโลกนี้ เปอร์เซ็นต์ มีข้อบกพร่องทั้งนั้น ไม่มีใครบริบูรณ์พร้อม แต่โดยภาพรวมถ้าบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้ ๑๐๐ ประคองสังคมโดยส่วนรวมไปได้ ก็ถือว่าสอบผ่าน แต่ถ้าใครมาชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ดี ใช้วิธี การโฆษณาชวนเชื่อ แล้วปลุกระดมประชาชนให้ เห็นคล้อยตาม เกิดการแบ่งพวก แบ่งเหล่าขึ้นมา ในสังคม แล้วมีการโจมตีกัน มีการแตกแยกเกิดขึ้น ก็จะเป็นตัวฉุดรั้งทำให้ประเทศถอยหลัง อย่างจีน เศรษฐกิจโตเร็วมากจนทั่วโลกผวา ๓๐ ปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ยเกือบปีละ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่เคยมีใครในโลกนี้ทำได้มาก่อน แต่ถามว่ารัฐบาล จีนมีข้อบกพร่องไหม มี ถ้าปล่อยให้นักโฆษณา ชวนเชื่อเข้าไปในประเทศจีน แล้วไปปลุกระดมคนจีน ว่า รัฐบาลแย่อย่างนั้น อย่างนี้ แล้วไปหาจุดที่ ประชาชนลำบากมาโจมตี แล้วปลุกให้คนจีนลุกขึ้น มาเดินประท้วงรัฐบาลให้เกิดความระส่ำระสายใน ประเทศ รับรองว่า ในเวลาเพียงแค่ปี ๒ ปี เศรษฐกิจ ประเทศจีนจะทรุดเลย ที่กำลังเจริญก้าวหน้าก็จะ ถอยหลังทันที เพราะฉะนั้น จะดูอะไรต้องดูภาพรวม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More