ข้อความต้นฉบับในหน้า
ดิฉันกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างยิ่ง
ถ้าไม่พบหลวงพ่อและผู้นำบุญ ดิฉันคงไม่มีวันนี้
การนั่งสมาธิคือวิธีรักษาแบบสั่นสะเทือนวงการ
แพทย์จริง ๆ
ต่อมาก็มีผู้แนะนำให้ทานอาหารเสริมจึงไปซื้อมา
รับประทาน ก็เริ่มทานข้าวได้ เริ่มมีแรง มีกำลังใจ
และเริ่มทำหน้าที่ชวนคนมาวัดงานทอดกฐิน ทั้งที่
แขนข้างซ้ายยังพิการอยู่ ผู้คนเห็นว่าดิฉันป่วยใกล้
ตายแล้วดีขึ้นเพราะมาวัด จึงพากันมาใหญ่ แม้
บางคนจะทักว่า “คนใกล้ตายก็ดูแจ่มใสแบบนี้แหละ
เหมือนเปลวเทียนวูบสุดท้ายก่อนสิ้นแสง” ดิฉันฟัง
แล้วก็ไม่ใส่ใจ ตั้งใจสั่งสมบุญ กฐินปีนั้นจัดรถได้ 5
คัน ดิฉันทำหน้าที่อย่างนี้เป็นปี กลับมาถึงบ้านก็ต้อง
นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวทุกครั้ง
แต่ก็ยังภาวนาเตรียมตัวตายทุกลมหายใจ ร่างกาย
ก็แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตุ่มตามมือตามขาก็ยุบ ก้อนซีสต์
ที่ข้อมือก็ค่อย ๆ ยุบไปเอง จนได้ไปปฏิบัติธรรมที่
ดอยสุเทพ ดิฉันตั้งใจปฏิบัติธรรมจนพบประสบการณ์
ภายใน พอหลวงพ่อสอบถามก็ตอบว่า “เห็นดาว
สวยงามมากแต่แป๊บเดียว” คนที่นั่งข้างหลังเขาก็
เฮกัน ดิฉันคิดว่า “ทำไมไม่เห็นดวงใหญ่ ๆ นาน ๆ
เหมือนคนอื่นเขา” หลวงพ่อบอกว่า “ดวงแป๊บเดียว
ที่เห็น เรียกว่า ดวงปฐมมรรค บาปกรรมอะไรจะ
หยุดก่อนจะยังไม่ให้ผล เพราะว่าบุญมากเท่ากับ
สร้างโบสถ์ ๑๐ หลัง” ทุกคนก็สาธุ! ดิฉันดีใจมาก
วันสุดท้ายหลวงพ่อก็มอบใบบอกบุญให้ ๒๐๐ ใบ
ให้ไปชักชวนผู้มีบุญมาสร้างบารมีต่อ พอกลับถึงบ้าน
ก็ออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรทันที จนเป็นเหตุให้
ได้พบคุณองุ่น สุขเจริญ (หลานหลวงปู่) และได้ชวน
ท่านมาวัดเป็นครั้งแรก ในปี ๒๕๓๒ ดิฉันทำหน้าที่
อย่างต่อเนื่องทั้งที่แขนข้างซ้ายยังพิการจนกระทั่งแขน
หายป่วยตอนไหนก็ไม่ทราบ พอให้หมอตรวจ หมอ
แปลกใจว่าดิฉันอยู่มาได้อย่างไร เพราะเขาตรวจแล้ว
เห็นว่าตับเป็นหนองเต็มไปหมด เขายังยืนยันให้เจาะ
ดิฉันก็ไม่เจาะ แม้ภายหลังได้พบหมอที่เป็นผู้นำบุญ
หมอก็แอบไปบอกกับสามีว่า ตัวดิฉันจะอยู่ได้ไม่นาน
เพราะเท่าที่ตรวจเช็คเป็นอาการของคนเพียบหนัก
หมอก็ยังงงว่าอยู่มาได้ยังไง ทำไมยังแข็งแรงไปไหน
มาไหนได้ปกติ ดิฉันก็ไม่กังวลกับอนาคต “สัมมา
อะระหัง” แล้วก็ทำหน้าที่เรื่อยไป หลังจากนั้นคุณหมอ
ท่านนั้นมาวัดได้พบกับดิฉันอีก ก็ยิ่งงงว่าทำไมยัง
ไม่ตาย เลยกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญด้วยครับ” อาการ
ของดิฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันอายุ ๖๘ ปี หมอ
บอกว่า “หายเป็นปกติแล้ว ตับดี ปอดดี ทุกอย่าง”
ดิฉันกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างยิ่ง ถ้าไม่
พบหลวงพ่อและผู้นำบุญ ดิฉันคงไม่มีวันนี้ การนั่งสมาธิ
คือวิธีรักษาแบบสั่นสะเทือนวงการแพทย์จริง ๆ
มะเร็ง คือ โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็น
อันดับหนึ่ง ซึ่งเราไม่อาจจะแน่ใจได้ว่า เราจะพบกับ
ข่าวร้ายของ “เนื้อร้าย” เข้าวันใดวันหนึ่งหรือไม่
เราไม่จำเป็นต้องรอให้ข่าวร้ายมาเยือนแล้วจึงเร่ง
นั่งสมาธิ แต่เราสามารถที่จะนั่งสมาธิ ประพฤติ
ปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ เพื่อสกัดข่าวร้ายและโรคร้าย
ก่อนมาถึงตัวได้ตลอดเวลา เมื่อทุกเวลานาที มี
สิ่งไม่คาดฝัน เราจึงควรทำให้ชีวิตทุก ๆ วันที่ผ่านไป
แช่อิ่มอยู่ในบุญ ตรึกระลึกนึกถึงองค์พระใส
ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา
ๆ
ไว้