ข้อความต้นฉบับในหน้า
๖๓
เธอดั้นด้นเดินทางจากต่างจังหวัดไปโตเกียว
ทั้งที่อยู่ญี่ปุ่นยังไม่ถึงปี ภาษาญี่ปุ่นก็เพิ่งจะเริ่มต้น
เท่านั้น ไปที่มหาวิทยาลัยโตเกียว คณะแพทยศาสตร์
ซึ่งถือเป็นคณะที่สูงสุดในประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัย
โตเกียว ก็คือมหาวิทยาลัยอันดับ ของประเทศ
๑
คณะแพทย์ก็เป็นคณะที่สอบเข้ายากที่สุด แต่ในนั้น
มีอยู่ ๒ สาขา ๑. เป็นหมอโดยตรง ๒. ศึกษาด้าน
สาธารณสุข เธอไปหาโปรเฟสเซอร์และแนะนำตัวเอง
บอกว่าต้องการศึกษาทางด้านสาธารณสุข เธอขอ
ความเมตตาโปรเฟสเซอร์ให้ช่วยรับเป็นอาจารย์
ที่ปรึกษาให้ ด้วยความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน
แม้ภาษาไม่เก่งเท่าไร ก็ใช้ภาษาอังกฤษช่วยบ้าง
ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างนี้โปรเฟสเซอร์เห็นความ
ตั้งใจจริงว่า เด็กคนนี้กิริยามารยาทเรียบร้อย แล้ว
ก็เป็นคนไม่ยอมแพ้ พยายามหาช่องทางทุกอย่าง
แสดงว่าเป็นคนฮึดสู้ ใช้ได้ทีเดียว เลยเกิดเมตตา
รับเป็นที่ปรึกษาให้ ก็เลยสามารถย้ายมหาวิทยาลัย
ได้สำเร็จ ย้ายจากมหาวิทยาลัยพละบ้านนอก มาอยู่
มหาวิทยาลัยโตเกียวเลย ผ่านไปอีกปีเธอสอบเข้า
ปริญญาโทได้ เรียนจบโทสอบเรียนต่อเอกได้ สู้จน
กระทั่งจบปริญญาเอก ทำงานคิดเป็นเงินไทยเดือน
หนึ่งหลายแสนบาทเลยทีเดียว
จากเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งหากไม่คิดจะสร้าง
โอกาสหาช่องทางให้ตัวเอง ก็คงเป็นเหมือนกับ
บัณฑิตจบใหม่ในประเทศไทยที่มีอยู่มากมาย แต่
เมื่อฮึดสู้อย่างนี้ ก็สามารถเรียนจบปริญญาเอก
จากมหาวิทยาลัยอันดับ ๑ ของประเทศญี่ปุ่น
หรือถือเป็นอันดับ ๑ ของเอเชียได้ ก็เพราะรู้จักสร้าง
โอกาสให้กับตัวเองแล้วก็ใช้โอกาสที่มาถึงอย่างเต็มที่
การรู้จักสร้างโอกาสให้กับ
ตัวเอง แล้วใช้โอกาสที่มาถึงอย่างเต็มที่
ซึ่งการกระทำอย่างนี้ทุกคนสามารถทำได้
แล้วเราจะพบว่าหนทางไม่ได้โรยด้วย
กลีบกุหลาบ เจอสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา
...แต่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมจำนน ขอให้
ฮึดสู้เท่านั้นเอง
ซึ่งการกระทำอย่างนี้ทุกคนสามารถทำได้ แล้วเราจะ
พบว่าหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เจอสิ่งที่ไม่
คาดฝันตลอดเวลา แต่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมจำนน
ขอให้ฮึดสู้เท่านั้นเอง นี้ประการที่ ๑
ประการที่ ๒ ที่อยากจะฝากพวกเราก็คือ มี
คำอยู่คำหนึ่ง เขาบอกคนไทยไม่โง่หรอก แต่ดูดี ๆ
เราจะพบว่า บางทีคนซื่อมักจะแถมคำว่าเซ่อเข้ามา
ด้วย แต่ขณะเดียวกันคนฉลาดมักจะแถมคำว่าแฉลบ
เข้ามาด้วย มันมักจะไปคู่กัน คนไทยไม่โง่ เราฉลาด
แต่ว่าฉลาดแบบแฉลบ ๆ หน่อย ยิ่งเชิงเจ้าเล่ห์
ๆ