การจัดการกับความใจร้อนและการควบคุมอารมณ์ วารสารอยู่ในบุญประจำเดือนเมษายน พ.ศ.2559 หน้า 92
หน้าที่ 92 / 132

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอวิธีการจัดการกับความใจร้อนโดยเน้นการใช้ศิลในการควบคุมอารมณ์ให้มีสติและไม่ทำร้ายผู้อื่น การนั่งสมาธิเป็นวิธีที่ช่วยให้อารมณ์สงบลง ทั้งนี้ยังเน้นว่าการใจร้อนต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียในชีวิต

หัวข้อประเด็น

-การจัดการกับอารมณ์
-วิธีการควบคุมใจร้อน
-การนั่งสมาธิในการปรับใจ
-การใช้ศิลในการดำเนินชีวิต
-ความสำคัญของการมีสติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

จิบนสไมอยู่จริง ๆ บริษัทคอร์ย แรงง ๆ คุมด้วยศิลอย่างเดียวเสียงมาก มีสิทธิที่อดจะ เพราะขาดนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านไปไม่ถึง 10 ปี สุดท้ายต้องส่งเทียบญดูกับบริษัท สติฟ จอบล๊กลับมาครับนุ่กได้จริง ๆ นิสนใจร้อนยังอยู่ แต่ผ่านโลกมาเยอะ ความใจร้อนลดลงบ้าง แต่การจิ้งที่ยึดคงเป็นอยู่ ตลอดมานรกระทั่งเสียดชีวิต นี้เป็นจุดแง ของคนที่ใจร้อน แต่ต้องเก่งจริง ๆ ด้วยนะ ถ้าใจร้อนแบบบุ่มบ่ามไม่ดีแน่ ๆ มวลแก้ความใจร้อนอย่างไรบ้าง? ขอพูดเรื่องใจร้อนควบกับเจ้าเถาไปด้วยกันเลย ตัวยกลคือ 1. ต้องคุมด้วยศิลเสียก่อน พื้นฐานก็คือ ศิ อ เมื่อเกิดอาการใจร้อนหรือเจ้าเถาแล้วจะต้องไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร อย่าไป ล่วงละเมิดเขา จะด้วยคำพูด จะด้วยการลงไม้ ลงมือ หรือการทำร้ายน้ำใจเขาด้วยเหตุใด ๆ ก็มา ต้องพยายามคุมไว้ด้วยศิลก่อน 2. หม่นนั่งสมาธิบ่อย ๆ จะเป็นตัวแก้ ถ้าคุมด้วยศิล ใจยังไม่แก้ แค่พยายามใช้สติตั้งหลักไว้ โกรธจัดแต่ไม่ไปด่าเขาอย่างใด ๆ อย่างใบสังสิทธิ์เหมือนตัวเบรค แต่ทำแรงผล่างในมืองไม่ได้น้อยลงสมสิทธิ์เบรคแตก เดียวย้อนไม่อยู่โทรไปจองออกไป แล้วนั่งเสียใจหลัง แต่ตอนที่เกิดเหตุคุมตัวเองไม่อยู่ จะแก้และคุมตัวเองต้องแก้ไข คือ นั่งสมาธิการนั่งสมาธิเป็นการปรับใจเราให้นุ่ม นิ่ง แล้วคลาย ปุ๊บจะไปแก้เรื่องอาการใจร้อน เจ้ไท่ แก่ไม่หา เพราะมันติดข้ามพาข้ามชาติมา แต่ยังน้อยจาก 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือสัก 20-70 เปอร์เซ็นต์ แล้วคุมด้วยศิล ไปอีกขั้นหนึ่ง เริ่มจะคุมอยู่ ถ้าไม่แก้ขณะในเลย ความใจร้อนยังอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม จะ อยู่ในบุญ เมษายน 2549
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More