ข้อความต้นฉบับในหน้า
...การศึกษาพุทธศาสตรในประเทศญี่ปุ่นนับเป็นวิธีเชิงคํามภีรีเปรียบเทียบเพื่อสืบหาคําสอนดั้งเดิม ตอนนี้ผมเลือกทำวิจัยคํภีรีเธออา คํภีรีอังดูตรนิกาย (เดทท์อควรรต) และคํภีรีอิริปทน โดยศึกษาประเปียบคํภีรีดั่งกล่าวทั้งหมดในภาษาบาลี สันสกฤต และจีนโบราณ...
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากญี่ปุ่นแล้ว พระครูปลัดสมพงษ์คุณ (พระอาจารย์ฐานานุโท) เมตตาให้ผมไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนิวเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อศึกษาคําภีรีเพิ่มเติมกับอาจารย์ราชภาษณ์ ชาโลม ซึ่งเป็นเนื้อหาเทียบกับวิธีพรให้รอดของคําภีรีเดย์ นั้นเอง ผมศึกษาหลักวิชาคําภีรีบรรจุอยู่ที่นี่เป็นเวลา ๑ ปี จึงเดินทางกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๒๒
กลับมาจไทยได้ไม่นาน ผมได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในทีมงาน “โครงการรวบรวมและศึกษาคําภีรีพระไตรปิฎกในปัจจุบัน” มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมพระไตรปิฎกสายที่เป็นคําภีรีฉบับแรกจากทุกสายอริยต์ ทำเป็นฐานข้อมูลดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย พวกเราเริ่มต้นทำงานกันตั้งแต่ลงพื้นที่สำรวจคําภีรีลำภมาในและต่างประเทศ ลงฝึกถ่ายภาพพระไตรปิฎกฉบับลานเป็นไฟล์ดิจิทัลสร้างฐานข้อมูลเชื่อมโยงงานและเนื้อความคําภีรีในระดับคำต่อคำ บรรศต่อบรรทัด และศึกษาเปรียบเทียบคําภีรีตามหลักวิชาคําภีรีบรรจุ งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ต้องประสานความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ทั้งภายในและต่างประเทศ ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของทุกคน มารวมกันจึงสำเร็จ คณะทำงานของเราจึงเป็นทีมงานนานาชาติที่มุ่งค้นหารากฐานคําภีรีบรรจุแต่ก็สื่อสารกันด้วยภาษอังกฤษ และเก็บข้อมูลด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่างากำลังงานกันกับคําภีรีบรรจุคุณค่าด้วยปัญญาความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด
เมื่อปีที่แล้ว ผมได้โอกาสนำผลงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบไปบรรยายในงานประชุมวิชาการที่ประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับดีมาก และจะได้ตีพิมพ์เป็นบทความวิจัยเรื่อง “Variant Readings in the Subhasutta of the DighanikAya : Based on Palm-leaf Manuscripts from Five Traditions” ในวารสารวิชาการด้านพุทธศาสตรที่สุดของญี่ปุ่น