ข้อความต้นฉบับในหน้า
๙
ปฏิญาณธรรม
เรื่อง: พระมหาเลี่ยม สุขุมะโลเจติย ป.ธ. ๙ / พระมหาวีระ ธมมสาธิ ป.ธ. ๙ / ภาพประกอบ: กองพุทธศิลป์
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
สุขใจที่ได้ทำทาน
สมัยหนึ่ง เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประทับอยู่ในป่ามหาวัน ท่านสิหเสนาบดี ผู้เป็น
แม่ทัพของชาวลิจฉวี เข้าไปกราบทูลถามปัญหา
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ได้โปรดตรัสผล
ของทาน ที่จะได้รับในปัจจุบันนี้ด้วยเถิดเจ้าข้า"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ผู้ให้ย่อม
เป็นที่รักของคนหมู่มาก คนดีจึงอยากคนทา
ชื่อเสียงของผู้ให้ทานย่อมฟังดูงามไว้ มีความ
อาจจากกล้าหาญ ไม่เก้อเขินในที่ประชุม เมื่อจะโลก
แล้วจะไปบังเกิดในสุดโลกสวรรค์"
ท่านเสนาบดีพลังก้แล้วยังไม่แน่ใจแจ้งทั้งหมด
จึงถามต่อไปว่า "อานิสงส์การให้ทานบ้างต้นนั้น
บำเพ็ญประโยชน์ด้วยตนเองแล้วใน
ปัจจุบัน แต้อานิสงส์ที่ว่าสิอะไรจะไปแล้ว จะ
ทำให้ไปบังเกิดในสุดโลกสวรรค์นั้นบำเพ็ญด้วย
ยังไม่รู้ด้วยตนเอง พระเจ้าข้า"
พระพุทธองค์ตรัสย้ำอีกว่า "เป็นอย่างนั้น
จริง ๆ ท่านสิหะ บัณฑิตผู้หวังความสุขงั้น
ความตระหนกจะได้ประจักษ์ด้วยตนเองแล้วใน
ปัจจุบัน แต่อานิสงส์ที่ว่านี่จะไปบังเกิดใน
ปัจจุบัน แต่อานิสงส์ที่ว่าสิ่งเป็นมหัปูชา
"ให้ราษฎรประหยัด
การให้ทานเฉพาะความเอาใจ" ครับมหาวัยู้ย่างไปบังเกิดเป็นพระอริยเจ้า
พระอินทร์อยู่ในสวรรค์ฯ บุตรของท่านปฏิบัติตาม
คำสอนของบิดา เมื่อรโลกก็ไปเกิดเป็นจันทรเทพ
ส่วนบุตรของจันทรเทพก็ไปบังเกิดเป็นสุริยะเทพ บุตรของสุริยะเทพ
ได้ไปบังเกิดเป็นมนต์เทพ บุรุตของสุริยะเทพ
ได้ไปบังเกิดเป็นนิมิตเทพ บุตรของนิมิตเทพไปบังเกิดเป็นปัญญาสิเทพบุรุต
ส่วนลูกชายของปัญญาสิเทพจะชื่อว่าจิริโกสิย-
เศรษฐี ครับได้รับมรดกจากพ่อแม่แล้ว กลับกลาย
เป็นคนตระหนี่ ไม่ยอมให้ทาน เพราะกลัวจะหมด
ไปเปล่า ๆ และยังสั่งให้รอพยาธินะ อ่า
ตัวเองรึข้าวปลายเรียบปากรับเป็นกุรำ พลอย
1 มค. เล่ม 62 หน้า 463