การรับแขกและการทักทายด้วยรอยยิ้ม วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 หน้า 104
หน้าที่ 104 / 121

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการรับแขกในปัจจุบันที่มีลักษณะเป็นหมู่ใหญ่และความสำคัญของการทักทายด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช้เสียง การฝึกทักษะการทักทายมีประโยชน์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการที่ใช้รอยยิ้มในการปลุกปลอบใจตนเองในวันที่เศร้า ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นวันอย่างสดใส นอกจากนี้ยังพูดถึงแนวทางในการฝึกซ้อมการรับแขกอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นใจในการทักทายกับผู้อื่น

หัวข้อประเด็น

-การรับแขกในปัจจุบัน
-ความสำคัญของการทักทาย
-การฝึกทักษะการยิ้ม
-สุขภาพจิตและรอยยิ้ม
-การสร้างความมั่นใจในการรับแขก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เหตุดังด้วย การรับแขกในปัจจุบันอยู่ในลักษณะรับเป็นหมู่ใหญ่โดยรวมพร้อม ๆ กันด้วย ผมมันใจว่า หลวงพ่อก็ปฏิภาณจะอัดรับภัณฑ์ให้ดีที่สุด อยากท้าทายผู้มีบุญทุกคนที่มาจากทุกสารทิศ ที่ร่อนแรมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากที่ไกล ๆ เพื่อมาร่วมงานด้วยความตั้งใจ แต่ด้วยเวลาในพิธีมีจำกัด และปัญหาสุขภาพของท่าน หลวงพ่อ จึงจำเป็นต้องตอบรับและทักทายทุกคนด้วยถ้อยคำที่ไพเราะที่สุดในโลกคำทักทายที่ไร้เสียง! และการช่วยหลวงพ่อรับแขกน้อยลง แต่การเรียนรู้วิธีปฏิบัตินั้นยังดำเนินต่อไป หลังจากที่ได้สั่งการปฏิรับของหลวงพ่อ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาลงทะเบียนสอบซ่อม ผมจึงเริ่มทำแบบฝึกทักษะนี้มากขึ้น ในแต่ละวันเมื่อคืนก่อนจะเข้าเขาน ผมจะฝึกซ้อมการต่อนรับโดยยืนที่หน้ากระจก แล้วก็เริ่มต้นทักษะกับตัวเองด้วยการ 'ยิ้ม' ยิ้ม เป็นคำทักทายที่ง่าย สุภาพ มีความจริงใจ และเป็นมิตรที่สุด การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการยิ้มทักษะกับตัวเอง เป็นการปลุกปลอบตัวเราให้หยุดจากความโศกเศร้า และเป็นการสะกิดกำลังใจไม่ให้หวั่น 'ยิ้ม!' คำทักทายที่ไร้เสียง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More