ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตัวเองก็คาดไม่ถึง ทำให้เมื่อท่านละโลกแล้วได้ไป
เสวยสุขอันเป็นทิพย์ ได้เป็นเทพบุตรมีศักดิ์ใหญ่
มีอานุภาพมาก เป็นผู้ที่เหล่าเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่
แม้กระทั่งท้าวสักกเทวราชก็ยังต้องมาชื่นชมบารมี
ท่านบันเทิงอยู่ในท่ามกลางหมู่ทวยเทพในสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลายาวนานมาก จนเมื่อครบอายุ
ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็จุติไปอุบัติในสวรรค์ชั้นสูง ๆ
ขึ้นไป
นิง พวกทวยเทพ
ครั้นมาในสมัยพุทธกาล ท่านย้อนกลับมา
บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้งหนึ่ง
ต่างเรียกเทพบุตรท่านนี้ว่า อเนกวรรณเทพบุตร
หมายถึง เทพบุตรผู้มีรัศมีกายเปล่งปลั่งสว่างไสว
เวลาจะท่องเที่ยวไปไหน รัศมีกายของท่านจะกลบ
รัศมีของเทพองค์อื่น ๆ แม้กระทั่งพระอินทร์ยังต้อง
หลบเข้าไปอยู่ในเวชยันตปราสาทของตัวเอง จนกว่า
เทพบุตรท่านนี้จะผ่านไป ด้วยเกิดความละอาย
ที่ตนเองเป็นถึงจอมเทพ แต่มีรัศมีกายน้อยกว่า
อเนกวรรณเทพบุตร
อานิสงส์การบวชพระ
จะเห็นได้ว่า บุญใหญ่จากการบวชพระนั้น
มีอานิสงส์มากมาย ปิดอบาย ไปสวรรค์ มีความสุข
ในปัจจุบัน ในคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ว่า “บุคคลใดมี
จิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้อนุญาตให้บุตรบวช
ถ้าบวชเป็นสามเณร ได้รับอานิสงส์ ๑ กัป ถ้าบวช
เป็นพระได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัป ส่วนบุคคลใดมีจิต
เลื่อมใสแบบญาณสัมปยุตผุดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใคร
ชักชวน ถ้าบวชเป็นสามเณร ได้รับอานิสงส์ ๓๒ กัป
ถ้าบวชเป็นพระ ได้รับอานิสงส์ ๖๔ กัป
ระยะเวลา ๑ กัปนั้น ท่านอุปมาว่า ภูเขาหิน
แท่งทึบ หนา ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์
เมื่อครบ
ปี มีผู้เอาผ้าทิพย์สีขาวอ่อนนุ่ม
๑๐๐