การปลูกฝังความดีและการชื่นชมในสังคมไทย วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มกราคม พ.ศ.2553  หน้า 66
หน้าที่ 66 / 104

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเน้นการฝึกอบรมให้คนรุ่นใหม่ชื่นชมคุณงามความดี, ขจัดความคิดการจับผิดในสังคมไทย ปลูกฝังให้เด็กมีการใช้ความถูกต้องและการชื่นชมที่ถูกต้อง, นำเสนอการทำบุญในชีวิตประจำวันและความสำคัญของคำชมระหว่างพ่อแม่ลูก โดยยกตัวอย่างการให้ลูกเขียนสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับแม่เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการมองคนให้ดีขึ้น.

หัวข้อประเด็น

-การฝึกอบรมเด็ก
-ความสำคัญของการทำบุญ
-การชื่นชมในครอบครัว
-การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
-สังคมไทยในปัจจุบัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

...ฝึกกันใหม่ ย้อนกลับมาใหม่ ตั้งแต่เช้าขึ้นมาสวดมนต์ไหว้พระก่อน แล้วก็ชักชวนกันทำบุญตักบาตร ชักชวนกันประกอบคุณงามความดี กินข้าวเสร็จไปทำงาน ถึงที่ทำงาน นายจ้างก็อย่าจับผิดลูกน้อง ลูกน้องก็อย่าจับผิดนายจ้าง แล้วช่วยกันทำงานไป ขณะทำงานเพื่อนก็อย่าจับผิดเพื่อน มีอะไรจะ แนะนําสั่งสอนตักเตือนกันได้ก็ว่ากัน..... เป็นอันว่าในเมืองไทยเราขณะนี้ประชาชนไทยตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงที่ไม่เป็นมงคลตั้งแต่ต้น คือ เสียงจับผิด เสียงจากการอ่านข่าวร้าย ๆ และถ้าดูทีวีก็มีเสียงที่ไม่เป็นมงคล และภาพที่ไม่ ค่อยจะเป็นมงคลตามมาด้วย น่าสงสาร แล้วคนไทยทั้งประเทศก็เลยกลายเป็นคนชอบจับผิดไปโดย ไม่รู้ตัว ถ้าไม่เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศขณะนี้กำลังกลายเป็นคนจับผิดไปละก็ อาตมาจะยกตัวอย่าง ให้เห็นชัด ๆ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายเช้านี้ลองดูเลย ไปหยิบกระดาษมาแผ่นหนึ่ง ดินสออีกแห่งหนึ่ง ปากกาแท่งหนึ่ง ส่งให้ลูก แล้วก็บอกว่า ช่วยเขียนให้แม่ชื่นใจหน่อยว่า แม่ดีต่อลูกอย่างไร หรือ แม่มีพระคุณต่อลูกอย่างไร หรือลูกเห็นว่าแม่น่ารักตรงไหน ช่วยเขียนให้แม่ชื่นใจสัก ๑ หน้า เชื่อไหมลูกหลานของเราอย่างดีก็อาจจะเขียนสัก ๒ บรรทัด ๓ บรรทัด จะให้ได้ตั้งหน้า หนึ่ง อย่าไปหวังเลย นึกไม่ออก เพราะวิธีชมคนไม่เคยมี พ่อแม่ก็ไม่ได้สั่งสม หนังสือพิมพ์ก็ไม่เคย สอน ครูก็ไม่เคยสอน วิทยุ ทีวี ก็ไม่เคยสอน ยิ่งข่าวเช้า ๆ อย่างที่ว่า เรื่องชมไม่เคยมีเลย มีแต่ เรื่องติกัน ๆ คราวนี้เอาใหม่ ไปหยิบกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง "ลูกเอ๊ย เจ้าเห็นว่าแม่ไม่ดีกับเจ้าอย่างไร อยากจะให้แม่แก้ไขปรับปรุงอย่างไร ช่วยเขียนให้แม่หน่อยซิ” เอากระดาษส่งไปให้อีกแผ่นหนึ่ง ลองดู เดี๋ยวเถอะลูกขออีกแผ่นหนึ่ง แค่แผ่นเดียวมันน้อยไป ทำไมมันเป็นอย่างนั้น ลูกหลานไทยวันนี้คุ้นต่อการจับผิด ไม่คุ้นต่อการจับถูก ความถูก ต้องความดีงามของคนเดี๋ยวนี้ไม่มีใครชี้แนะให้ดู มีแต่ชี้แนะว่าคนโน้นเสียอย่างไร คนนี้เลวอย่างไร เมื่อเป็นอย่างนี้เข้า ลูกหลานไทยวันนี้ จึงเป็นนักจับผิดตัวยงไปเสียแล้ว เริ่มต้นมนุษย์จะจับผิดใคร ก็จับผิดคนใกล้ตัวสิ เพราะฉะนั้นพ่อแม่นั่นแหละจะถูกลูกจับผิด ในขณะที่เด็กเมื่อ ๕๐-๖๐ ปีที่แล้วถูกฝึกมาอีกอย่างหนึ่ง อาตมาก็ถูกฝึกมา ก่อนจะนอน “ลูกเอ๊ย มาสวดมนต์ไหว้พระกับแม่แล้วไปนอน” พอสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ กราบเท้าคุณแม่ กราบ เท้าคุณพ่อ หรือถ้าคุณปู่คุณย่าอยู่ด้วย ก็ไปกราบเท้าท่านไปขอพรท่าน แล้วท่านก็ให้พรเพราะเสียด้วย “เมื่อเช้านี้ย่าตักบาตรพระมา ๕ องค์ ด้วยบุญที่ย่าตักบาตรให้อายุพระ ให้อายุพระศาสนา ให้ หลานย่าอายุยืน ๆ นะ ไม่ป่วย ไม่เจ็บ ไม่ได้” เราก็สาธุ กราบท่านแล้วก็ไปนอน กราบเท้าคุณแม่ คุณแม่ก็บอก “วันนี้แม่ไปวัดมา ไปทำบุญเสร็จกลับมาก็เลยถือโอกาสซื้อ ปลา ไปปล่อยให้ชีวิตเป็นทาน ด้วยกุศลผลบุญนี้ให้ลูกแม่อายุมั่นขวัญยืน อุบัติเหตุเภทภัยอย่าได้ ไปเจอะไปเจอเลยนะลูก” เราสาธุ กราบเท้าท่าน แล้วก็ไปนอน เมื่อ ๕๐-๖๐ ปี คนรุ่นโน้น ก่อนนอน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More