ข้อความต้นฉบับในหน้า
และขณะนี้ เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด เดินไปตามท้องนาก็เป็นอีก ในท้องนาท้องไร่ปัจจุบันนี้
เขาเอาสารเคมีประเภทยาฆ่าแมลงและปุ๋ยไปใช้กันในท้องไร่ท้องนามาก และสารเคมีประเภทยา
ฆ่าหญ้าก็ใช้กันมากในบริเวณเกษตรกรรมในบ้านเมืองไทยขณะนี้ เพราะฉะนั้น การไม่ใส่รองเท้า
กำลังกลายเป็นความไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ใช่เฉพาะของพระภิกษุเท่านั้น แต่ไม่ปลอดภัย
แม้กระทั่งประชาชนทั่ว ๆ ไป สิ่งเหล่านี้กำลังคืบคลานมาเบียดเบียนสิ่งแวดล้อมของเรา ทำให้
ธรรมชาติเสียหายไป แล้วก็กำลังคืบคลานมาบีบให้ทั้งพระ ทั้งคน จะต้องละทิ้งขนบธรรมเนียม
ประเพณีที่ดีงามบางสิ่งบางอย่างไป เพราะสภาพเป็นพิษที่เราปล่อยปละละเลยให้เกิดขึ้น
อันนี้อาจจะทำให้การบิณฑบาตในอนาคตต้องมีการปรับเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่พูด
อยู่นี้ อาตมาเองเวลาบิณฑบาตก็ยังถอดรองเท้าบิณฑบาตอยู่ อันนี้ขอบอกก่อน ไม่ใช่มาชักชวน
ให้ทำลายขนบธรรมเนียมประเพณีและพระธรรมวินัย แต่ชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นต่อไปในอนาคตหากเกิดมีความจำเป็นว่าจะต้องใส่รองเท้าด้วยเหตุแห่งการมี
สารเคมี การมีวัตถุสิ่งใดที่อาจมาทำอันตรายให้กับเท้า เลยจำเป็นจะต้องใส่รองเท้าบิณฑบาตกัน
ในอนาคตนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องมาช่วยกันพินิจพิจารณา และก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น อยากจะฝาก
เอาไว้ทั้งในหน่วยงานของเอกชน ทั้งหน่วยงานของรัฐบาล ใครมีหน้าที่เกี่ยวข้องควบคุมสารพิษ
ควบคุมเกี่ยวกับเรื่องโรคระบาด ควบคุมพวกขยะที่มีเศษแก้ว เศษกระจก เศษโลหะที่จะบาด
จะทิ่มจะตำเท้าได้ ช่วยหามาตรการทำให้เคร่งครัดด้วย ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ต่อไปในภายภาคหน้า
จะกระทบกระเทือนแม้กระทั่งพระธรรมวินัย
อีกประการหนึ่งอยากจะฝากกับญาติโยมชาวไทยว่า เวลามองพระ อย่ามองกันด้วยความ
จับผิด แต่ขอให้มองด้วยจิตเมตตา ในบ้านในเมืองเรานี้ ขณะนี้มีอุปกรณ์ที่ยั่วยุและส่งเสริมให้
คนไทยทั้งแผ่นดินเกิดนิสัยชอบจับผิดกันขึ้น แทนที่จะมอง จะคิดกันด้วยจิตเมตตา กลับมาจ้อง
จับผิดกัน ยกตัวอย่าง เช้าขึ้นมาถ้าเราฟังวิทยุแต่เช้า ก็จะมีการวิจารณ์ข่าว ซึ่งส่วนมากก็เข้าทำนอง
ที่ว่า ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดี ๆ ต้องเสียสตางค์ คือ ข่าวที่เอามาอ่านกันนั้น ไม่ค่อยสร้างสรรค์ มีแต่
ข่าวร้าย ๆ ทั้งนั้น มีแต่เรื่องทำลายกัน ก็เลยเพาะนิสัยให้จับผิดกัน ส่วนข่าวดี ๆ หนังสือพิมพ์
ก็ไม่ค่อยอยากลง ต้องจ้างให้ลงวิทยุก็ไม่ชอบเอามาอ่าน ในทีวีก็เหมือนกัน ถ้าใครดูทีวีแต่เช้า กลาย
เป็นว่าได้เห็นทั้งภาพที่ไม่เป็นมงคล และเสียงไม่เป็นมงคล เพราะเป็นเสียงจับผิด ภาพก็เป็นภาพ
ร้าย ๆ ประเภทจับผิดเข้ามาอีก
..อยากจะฝากกับญาติโยมชาวไทยว่า เวลามองพระ อย่ามองกัน
ด้วยความจับผิด แต่ขอให้มองด้วยจิตเมตตา ในบ้านในเมือง
เรานี้ ขณะนี้มีอุปกรณ์ที่ยั่วยุและส่งเสริมให้คนไทยทั้งแผ่นดิน
เกิดนิสัยชอบจับผิดกันขึ้น แทนที่จะมอง จะคิดกันด้วยจิตเมตตา
กลับมาจ้องจับผิดกัน..