ข้อความต้นฉบับในหน้า
ลูกหลวงพ่อ
เรื่อง : กลุ่มดาวมิน
รอจนถึงวันนั้นก็ไม่ทันแล้ว
เสียงปืนและระเบิดที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ตลอดช่วงเวลานับนานหลายยุคสมัยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 13 ปีหลัง นอกจากเป็นดัชนีชี้วัดปัญหา ความรุนแรงที่ยึดเยื้อยากจะจบสิ้นแล้ว ยังผลต่อการย้ายออกจากพื้นที่ของพุทธศาสนิกชนด้วย ทำให้ประชากรชาวพุทธในพื้นที่มีจำนวนลดลง และเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น นี่คือภาพหนึ่งของการย้ายออกจากพื้นที่ของชาวพุทธ...
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุรุนแรงถึง 1,808 ครั้ง มีคนเจ็บ-ตาย 2,925 คน1 ในปีนั้นอำเภอป่านังสะตา จังหวัดยะลา มีชาวไทยพุทธ 10,327 คน อีก 1 ปีต่อมา ชาวพุทธอยู่ออกไปเหลืออยู่เพียง 5,400 คนเท่านั้น2 ปัจจุบันหลายหมู่บ้านใน 3 จังหวัดมีชาวพุทธเหลืออยู่แค่ 2-3 ครอบครัว และบางแห่งไม่มีชาวพุทธหลงเหลืออยู่เลย พากันอพยพออกไปเพราะกลัวอันตราย สถานการณ์พระพุทธศาสนาในแถบนี้จึงอยู่ในภาวะที่ยากลำบากกว่าที่เคยว่า “น่าเป็นห่วง”
ดังนั้น การที่มีพระบุตรตั้งใจไปปฏิภาคอยู่ในบริเวณปลายด้านขวาของขวานทอง เพื่อร่วมแรงร่วมใจ กับพุทธบุตรและชาวพุทธในพื้นที่ช่วยกันดูแลและพระพุทธศาสนาในแถบนี้แทนชาวพุทธทั้งประเทศ จึงเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญและอนุโมทนาสาธุกับการเป็นอย่างยิ่ง
“พระอำพล สุขโสโล” เจ้าอาวาสวัดนรภิวาส เป็นหนึ่งในพระภิกษุเหล่านี้
1 หลวงพ่ออำพล (พรช) 6 เป็นพระภิกษุ บ่อยมาก แต่เราก็เดินหน้าทำหน้าที่ของเราไป
ประจำอยู่ “ที่พักสงบบ้านร่มเย็น” หรือ “ศูนย์บ้านร่มเย็น” ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ท่านเล่าให้ “อยู่ในบุญ” ฟังว่า
“ถึงแม้หลวงพี่เกิดที่จังหวัดปัตตานี และเคยยึนกับการใช้ชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เวลามีเหตุการณ์รุนแรง ๆ ก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน ตอนนี้มาอยู่ที่นราธิวาสซึ่งมีความอันตรายเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ นอกตัวเมืองยิ่งกัน
2 การทำงานใน 3 จังหวัดนี้กับจังหวัดอื่น ๆ ต่างกันมาก ในพื้นที่ที่ไม่มีความรุนแรง เราจะไปไหนเวลาไหนก็ได้ เดินชวนบอกได้ทุกแห่ง พาเขาสวดธรรมจักรได้ทุกบ้าน แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำไม่ได้