ข้อความต้นฉบับในหน้า
ฑิบ4 เป็นต้นและบันทึกประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ อาทิ ความหมายที่แท้จริงของหลักรวมต่างๆ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏด้วย การเชื่อมโยงข้อมูลในคัมภีร์ เป็นต้น การวิจัยในลักษณะนี้ค่อนไปทางด้าน “การวิจัยพื้นฐาน” หรือ “การวิจัยบริสุทธิ์” แต่ยังใกล้ตาม การศึกษาวิถีพระพุทธศาสนาในเชิงลึกชนิดนี้ มีความแตกต่าง กับการวิจัยพื้นฐานของทางวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์โดยทั่วไป เพราะเป็นการศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านการบันทึกที่มีปรากฏในคัมภีร์ที่ยังคงเหลืออยู่นั้น และที่กล่าวว่า มีการค้นพบ “ความรู้ใหม่” นั้น ไม่ได้หมายความว่า เป็นสิ่งใหม่ที่ พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเทศนไว้ แต่หมายความว่าการค้นพบสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ตัวอักษรและเรียบเรียงออกมาให้แจ่มแจ้งชัดเจนเท่านั้น
2. การศึกษาวิจัยภาคสนาม (Field Research) เป็นการศึกษาวิจัยเชิงสังคมวิทยา โดยศึกษาความสัมพันธ์ของคำสอน หลักปฏิบัติแตกต่างกันใน การเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติ พฤติกรรมของบุคคลหรือสังคมที่เกี่ยวข้อง และบวกจากการศึกษาวิจัยเชิงสังคมวิทยา แล้ว ยังมีการศึกษาวิจัยเชิงพุทธศิลป์ ซึ่งเป็นการวิจัยอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมโดยนำหลักการศึกษาวิจัยเชิงบูรณาคดี (บูรณสถาน, บูรณวัตถุ) มาศึกษาหาความสัมพันธ์สิ่งที่ปรากฏในคัมภีร์ เพื่อค้นหาความหมายที่ปรากฏอยู่ในบูรณสถาน บูรณวัตถุ การวิจัยในลักษณะนี้ค่อนไปทางด้าน “การวิจัยประยุกต์” ในการศึกษาวิจัยพระพุทธศาสนาโดยนักวิชาการสมัยใหม่ในประเทศไทยนั้น มี
1924-1934. Tokyo: Daizoshuppansha.