ข้อความต้นฉบับในหน้า
28 การบรรจาวิวาสวิชาการทางพระพุทธศาสนา ฉบับที่ 1 ปี 2559
ความเป็นไปได้ว่า มีการปรับโครงสร้างเนื้อหาจากเดิม เพื่ออนุโลมตามคำสอนในเรื่อง "มรรค 3" (มรรคสมรรถ, กรวนามรรค, อัยยะมรรค) อันเป็นคำสอนเฉพาะในนิยาม "สวาสติวาท" เท่านั้น
ที่กล่าวมา นี้ คือ รูปแบบการวิจัยเชิงคัมภีร์ โดยหยิบยกเอาทฤษฎีศึกษาของ "ธัมมจักกัปวัตนสูตร" ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในคัมภีร์อื่นนานกายต่าง ๆ รวม 23 คัมภีร์ ซึ่งผู้เขียนมีความปรารถนานำเสนอเชิงวิชาการของพระพุทธศาสนาของประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยเชิงคัมภีร์รูปแบบหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในวิชาการทางพระพุทธศาสนาของโลก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาบทความนี้ และเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาวิจัยเชิงคัมภีร์ต่อไป
อีกประกอบหนึ่ง "ธัมมจักกัปวัตรสูตร" นั่นว่าเป็นพระสูตรสำคัญที่รากฐานเป็นอย่างดีในฐานะของพระปฐมเทศนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมในเรื่อง "อริยสัจ 4" และ "อริยมรรคมีองค์ 8" ที่ปรากฏอยู่ในนั้น เป็นหลักคำสอนที่มีความสำคัญและสมบูรณ์อยู่ในตัว สำหรับหลักธรรมอื่น ๆ นี้เป็นบทขยายของ "อริยสัจ 4" และ "อริยมรรคมีองค์ 8" ทั้งสิ้น ประดุจพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาที่เป็นบทขยายผลของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรที่พระพุทธศาสนุนญนึงให้ความสำคัญในการศึกษาทั้งภาคปฏิบัติและลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการศึกษาอย่างแท้จริง
_______
31 นักวิชาการบางท่านมีความเห็นว่า "อริยสัจองค์ 8" นั้นยังมีความไม่สมบูรณ์อยู่ ซึ่งไม่เหมือนกัน "เลขธรรม 10" ซึ่งประกอบด้วยสมาทิฐิถึงสมาทาน "อริยสัจองค์ 8" ตามด้วย "สมามัญญา" และ "สมามৈวิมุตติ" (Bucknell 1984: 8-10) แต่ในเรื่องนี้พระอาจารย์สมเด็จพระปฏิสุนโลก (สมชาย สาครบุตรโตม) ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "อริยสัจมีองค์ 8" และ "อเลขธรรม 10" ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันในแง่ "ความสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์" หากแต่มีความสัมพันธ์กันในแง่ของ "การปฏิบัติและผลของการปฏิบัติ" กล่าวคือ "อริยสัจองค์ 8" เป็น "การปฏิบัติ" และ "เลขธรรม 10" เป็น "ผลของการปฏิบัติ" (Thanavuddho 2003: 184)