ข้อความต้นฉบับในหน้า
แนวโน้มส่วนใหญ่ของมุมเป็นการวิจัยภาคสนาม โดยมุ่งเน้นไปที่การวิจัยเชิงสังคมวิทยา แต่ผลงานการศึกษาวิจัยเชิงค้ำก็มีค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่มักอาศัยหลักฐานจากคัมภีร์รับสเป็นหลักเท่านั้น มีน้อยมากที่จะใช้หลักฐานจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาในภาษาสันสกฤต ฉันโบราณ ทีเบ็ด และภาษาอื่น ๆ ประกอบ
สำหรับการวิจัยเชิงค้ำนี้ สามารถแบ่งออกได้อีก 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ
1. การวิจัยในแนวตั้ง (Vertical) คือ การวิจัยค้ำมีกี่ตามลำดับขั้นของการกำเนิดโดยลำดับตั้งแต่ขั้นพระไตรปิฎก ขั้นอรรถกถา ขั้นอุปัฏฐกา กล่าวคือ เมื่อคัมภีร์ขั้นพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงสิ่งที่คนในยุคหลังทำความเข้าใจได้ยาก พระอรรถกถาก็จึงได้จบคัมภีร์ขึ้นมาเพื่ออธิบาย คัมภีร์เหล่านี้เรียกว่า "อรรถกถา" และโดยนัยเดียวกัน "ภ ก" ทำหน้าที่อธิบายคัมภีร์ชั้นอรรถกถา หรือขั้นพระไตรปิฎก บางครั้งมีความเห็นแย้งกับอรรถกถา "อนุภกฏ" ทำหน้าที่อธิบายคัมภีร์ชั้นอรรถกถา หรือคัมภีร์ขั้นที่สูงกว่า ซึ่งในการวิจัยในแนวตั้งนี้เป็นวิธีที่เราคุ้นเคยและพบเห็นโดยทั่วไป
การวิจัยในแนวนี้มี หากจะแบ่ง "ยุคของคัมภีร์" ยังคงแบ่งแย่อย่างลงได้อีกรวมทั้งหมด 6 ยุค โดยมีลำดับดังต่อไปนี้
ก. ยุคต้น ได้แก่ พระสุดตำรับปฐม 4 นิกาย อันได้แก่ ทีมินีก มัชฌิมีนิก สังยุคตินิก ยังคตตินิก และบางคัมภีร์ในขุกทนิกาย เช่น สุตตนิวาส ธรรมบท ชาดก เป็นต้น ๆ และพระวินัยปิฎก (วินัยคัมภีร์โบราณ)
ข. ยุคอรต่อระหว่างยุคต้นกับยุคอธรรม ได้แก่ ปฏิสัธิมาภรณ์ และ