ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตอนสุดท้ายของทุกชีวิตในสังสารวัฏต้องไปนิพพานทั้งหมด
ซึ่งความเข้าใจหรือความปรารถนาที่จะบรรลุนิพพานของแต่ละคนนั้น
จะแตกต่างกันไปตามกำลังบารมี ขณะที่บางมียังอ่อน จะไม่ค่อยเห็นความสำคัญ
ของพระนิพพานเท่าไร อาจมีความคิดว่า มันไม่สนุก ไม่สนใจ ไม่มีโรงหนัง
ไม่มีโรงละคร ไม่มีที่เที่ยวเล่นสนุกเพลิดเพลิน เพราะตนเองยังไม่เข้าใจอารมณ์
ของพระนิพพาน เข้าใจแต่ารสมในทางโลก แต่พออินทรีย์แก้กล้ามากเข้า คือ
ระหว่างที่ยังไม่อยากไปนิพพาน ก็สร่างบุญไปเรื่อยๆ บุญที่สร้างสมไว้จะเล็กๆน้อยๆ
พอมากเข้าอินทรีย์ก็เกิดกล้า ทีนี้จะเกิดความรู้สึกว่า
สิ่งต่างๆ ในทางโลกหมดความจำเป็น เกิดความเบื่อหน่าย อันไปรหมดเลย คือ
รู้สึกว่าความจำเป็นที่จะใช้ชีวิตในทางโลก หรือในระดับของบุรุษทั่วไป
ไม่มีเหลืออยู่ จะรู้สึกเฉยๆ อย่างนั้น
ในที่สุดเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว ก็จะได้โอกาสสมาฟังพระสัทธรรม
คำสอนของพระสัมสัมพุทธเจ้า แล้วจึงสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
หมดก็เลยเข้าสู่พระนิพพานได้ในที่สุด หรือบางคนอาจจะมีความปรารถนาที่
มากกว่านั้น เช่น ต้องการบรรลุธรรมด้วยตัวเอง ก็ลังสับสนบุญให้มากๆ เข้า
จนกระทั่งบารมีเต็มเปี่ยม ตรัสชอบได้ด้วยตนเอง แต่ไม่สอนใคร ที่เรียกว่า
**พระปัจเจกพุทธเจ้า** หรือถ้าส่งบุญมากกว่านั้น ตั้งความปรารถนาที่จะสอน
คนอื่นให้ตรัสรู้ตามตนเองได้ เรียกว่า **พระสัมมาสัมพุทธเจ้า** พระบรมครู
ที่จะโปรดสอนสัตว์โลกให้รู้เห็นธรรมตามพระองค์ไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
ทุกๆ พระองค์ก็มีเป้าหมายที่สุด คือ ต้องการหยุดพันจากการ
เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏและเข้าสนิพพานในที่สุด