ข้อความต้นฉบับในหน้า
๘๖
หาทางเลือกที่เป็นไปได้ซึ่งมีอยู่หลายทาง เช่น ปูเสื่อนั่งฉันสบาย ๆ หรือนั่งเก้าอี้ก็สะดวกดี หรือ
จะให้มีอาสนะทำเป็นซึ่งเป็นแท่นนั่ง ที่ประชุมถกเถียงกันไปมาตามแต่ความรู้และประสบการณ์ที่
มีมาต่าง ๆ กัน
คุณยายท่านเป็นผู้ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดให้ ท่านบอกว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่
วัดปากน้ำ ท่านทำต้นแบบไว้ดีแล้ว คือยกเป็นแท่นเป็นอาสนะขึ้นมา แล้วคุณยายก็เมตตาแจกแจง
เหตุผลข้อดีข้อด้อยของแต่ละทางเลือก เพื่อให้ทุกรูปทุกคนได้เข้าใจชัดเจนตรงกันว่า
ถ้านั่งกับพื้น ระดับมันก็เสมอกันกับญาติโยม เวลาที่ญาติโยมจะเข้ามาประเคนก็จะลำบาก
ดูไม่เรียบร้อย ดูไม่งาม
การนั่งเก้าอี้นั้น เวลาถวายสังฆทาน เวลาถวายของ พระจะหันหน้าไปคนละทางสองทาง
หันหน้าให้โยมบ้าง หันหลังให้โยมบ้าง แม้ได้ความสะดวกสบาย แต่ขาดความศักดิ์สิทธิ์ อย่าไปทำ
คุณยายท่านให้ทำอย่างที่หลวงปู่ท่านทำไว้ดีแล้ว คือยกแท่นขึ้นมา เวลาถวายสังฆทาน
ไม่ว่าใครจะนั่งอยู่ตรงอาสนะไหน ก็หันหน้าให้ญาติโยมได้ทุกทิศ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
เป็นที่น่าเลื่อมใส แต่ในส่วนขนาด ความสูง ความกว้าง ความยาว หรือรูปแบบการจัดรายละเอียด
ต่าง ๆ นั้น เนื่องจากเป็นคนละสถานการณ์ ให้ไปคำนวณหากันเอาเอง ไม่จำเป็นจะต้องเหมือน
กับที่วัดปากน้ำ
การที่ท่านคิดอย่างนี้ สั่งอย่างนี้ ท่านได้บุญเพื่อตัวท่านไปแล้ว ผลพลอยได้ก็คือพระมี
ที่ฉันที่ใช้กันอย่างสะดวกสบาย ญาติโยมมาทำบุญได้สะดวก เพิ่มพูนกุศลศรัทธาให้แก่พุทธบริษัท
ทั้งฝ่ายพระภิกษุ ฝ่ายญาติโยม ซึ่งจะมีผลทำให้พระพุทธศาสนาสืบทอดไปได้อีกยาวไกล
งานครั้งนี้ของคุณยายเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาได้ ท่านจึงได้บุญเต็มที่ เต็มเม็ด
เต็มหน่วย เพราะการทำงานของท่านเป็นวิธีทำงานที่ยึดบุญเป็นหลัก ลูกศิษย์ต่างได้อาศัย
ผลพลอยได้นี้ไปทำสิ่งต่าง ๆ ที่จะเป็นผลหลักคือบุญเกิดแก่ตัวเองต่อไป เมื่อทำเช่นนี้จึงจะเป็น
บุญต่อบุญกันเรื่อยไปไม่รู้จบ
แล้วในการคิดทำงานโดยเอาบุญเป็นตัวตั้งอย่างนี้ เป็นความอัศจรรย์ที่จะไม่มีใครบดบัง
รัศมีใคร จะทำงานไปด้วยกันได้ทุกฝ่าย ไม่มีใครขัดใคร ไม่มีใครได้ประโยชน์แล้วอีกฝ่ายเสียประโยชน์
ทุกคนทุกฝ่ายจะมีแต่ได้ประโยชน์กับได้ประโยชน์ เหมือนกับการเอาดวงอาทิตย์เป็นตัวตั้ง ในเวลา
กลางวัน เราเดินทางไปที่ใด ดวงอาทิตย์ตามไปด้วย ไม่ว่าองศาดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนไปอย่างไร
ดวงอาทิตย์ก็ยังส่องสว่างอยู่เหนือศีรษะเราทุกคน
ดังนั้น เมื่อเราทำการงานใดก็ตาม ถ้าเอาบุญเป็นตัวตั้งอย่างแท้จริงแล้ว ก็จะมีแต่ได้กับได้
กันทุกคน และก็ทำให้ทุกคนปลื้มใจ อิ่มใจในบุญ ไม่รู้สึกท้อแท้ท้อถอยในการทำความดี แม้บาง
ครั้งร่างกายอาจจะเหนื่อยล้า แต่เรามีหลักคิดแล้วว่า เมื่อเราทำความดี คนที่ได้บุญก็คือตัวเรา
ส่วนผลพลอยได้ที่ตามมานั้น ก็คือผลดีที่เกิดขึ้นกับส่วนรวม เราทำมากเท่าไร ก็เป็นผลบุญที่เกิด
ขึ้นกับตัวเราและผลดีที่เกิดขึ้นกับส่วนรวมมากเท่านั้น ทำให้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคยากลำบากใด ๆ
เกิดขึ้น เราก็ยกใจข้ามอุปสรรคไปได้ เพราะมีผลบุญที่เราจะได้รับเป็นตัวตั้งนั่นเอง