ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระคุณแม่ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว )
1. กำาลังกาย
2. ถ้ากำลังกายไม่พอ ก็เอากำลังทรัพย์สินเงินทองไปสู้ ไปจ้างนักเลง ไปจ้างคนอื่นมาช่วย ถ้ากำลัง
กายก็แล้ว กำลังเงินก็แล้ว ยังสู้ไม่ไหวอีก ก็ต้องใช้กำลังขุมที่
3. คือกำลังญาติ กำลังพวกพ้อง ให้มาช่วยกันต่อสู้ แล้วก็ใช้กำลังขุมที่
4. คือกำลังสติปัญญาของตนวางแผนบงการเอาชนะหรือเอาชีวิตรอดให้ได้
ถามว่าเด็กเกิดใหม่มีขุมกำลังทั้ง 4 อยู่บ้างไหม ไม่มีเลย มีอยู่อย่างเดียวคือ ประกาศิตจากแม่ว่า
นี่ลูกฉัน เท่านั้นเอง จึงมีมืออีกหลาย ๆ มือยื่นเข้ามาช่วยเหลือ แล้วเราก็ค่อย ๆ โตวันโตคืนขึ้นมา แต่กว่าจะ
โตขึ้นมาพอช่วยเหลือตัวเองได้นี่ แม่ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดทีเดียว ถามตัวเองดูว่า การที่จะยื่นมือไปรับเด็ก
อายุวันเดียวเข้ามาเลี้ยงจนกระทั่งโตนี่ง่ายไหม... ไม่ง่ายเลย แต่แม่เราก็ทนเลี้ยงเรามาจนโตได้ น้ำใจของท่าน
เหลือหลายจริง ๆ
แม่เป็นหุ้นส่วนความดีของลูก
ตามธรรมดา ใครจะลงทุนเลี้ยงใคร
การเลี้ยงนี่ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งด้วยนะ เขาจะต้องมี
สัญญาว่า ลงทุนเสร็จแล้วจะต้องใช้คืนงวดละเท่านั้นเท่านี้ บวกดอกเบี้ยเสร็จสรรพ พวกเราล่ะเซ็นสัญญาให้
แม่หรือยังว่า แม่นะเลี้ยงหนูดี ๆ เลี้ยงผมดี ๆ พอได้เงินเดือนแล้วผมจะส่งใช้คืนให้เดือนละเท่านั้นเท่านี้ เปล่า
เลย แม่ทุนหายกำไรหดหมดทุกคน แล้วทุนของท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพันเสียด้วย สิ่งเหล่านี้เราจะไปหาจาก
คนอื่น หาไม่ได้ นอกจากแม่ของเรา
ๆ
เพราะฉะนั้น เมื่อเราโตขึ้นไม่ว่าความดีอะไรที่เราสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะพูดดี คิดดี ทำดี หรืออะไรที่
ขึ้นชื่อว่าเป็นความดี ถ้าจะว่าไปแล้วในความดีเหล่านั้น มีคุณแม่ของเราเข้าหุ้นไว้ตั้งแต่ต้นเลย เพราะว่าถ้า
ขาดท่านแล้ว เราก็ไม่มีวันนี้ ด้วยเหตุนี้เอง บัณฑิตทั้งหลายท่านจึงได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พระคุณของ
แม่บรรยายไม่หมด เพราะไม่ว่าเราจะไปทำความดีอะไรให้เกิดขึ้นมา ไม่ว่ามากเพียงไรหรือเล็กน้อยขนาดไหน
ก็ตาม มีท่านเป็นหุ้นส่วนในการทำความดีอยู่ทั้งนั้น
แม่รักลูกตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า
พูดถึงพระคุณแม่แล้ว ก็ไม่อยากผ่านเลยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่านไปแม้สักนิด พวกเราที่ยังไม่ได้
แต่งงาน ยังไม่เคยเป็นแม่คน โดยทั่วไปไม่ค่อยรู้หรอกว่า แม่นั้นลำบากเพราะเรามาเท่าไร อาตมาขอชี้แนะ
พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ นะ ใครที่อยากรู้ว่าแม่ลำบากเพราะเรามามากน้อยแค่ไหน ให้ดูเวลาเดินสวนทางกับ
ผู้หญิงท้องแก่ ๆ สักคน ดูให้ชัด ๆ อย่าเพิ่งผ่านเลย ดูแล้วเก็บไปคิด ถ้าไม่ใจหินจนเกินไปละก็ เราจะนึก
สงสารคุณแม่ของเราอย่างจับใจ ไม่อยากเถียง ไม่อยากดื้อกับท่านอีก เพราะภาพนั้นจะกรอกลับให้เราเห็น
อย่างชัดเจนว่า เมื่อก่อนตอนอยู่ในท้องแม่ ท่านก็เดินอุ้ยอ้าย ๆ ทุลักทุเล เหงื่อกาฬแตกแบบผู้หญิงคนนี้แหละ
จะยากดีมีจนแค่ไหน ผู้หญิงท้องแก่ก็มีความทุกข์ยากเท่าเทียมกันทั้งนั้น
9