ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระคุณแม่ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว )
ไปดูลูกกตัญญูเขาเลี้ยงแม่
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านดูแลแม่ของ
ท่านน่าซาบซึ้งใจจริง ๆ ท่านทำอย่างไร เช้าขึ้นมาพอ 7 โมงเช้า ท่านก็ลงไปดูแม่ของท่าน ไปนั่งคุยกับแม่
กินข้ากับแม่ พอ 7 โมงครึ่ง ท่านก็ออกจากบ้าน ออกจากตำหนักของท่านไปทำงาน พอเลิกงานตอนเย็น
ตอนคำ ยัง ยังไม่กลับบ้าน ไป ซื้อของถูก ๆ ลึก ๆ ที่แม่สั่ง ยาหม่องยาดม ยาอม ยานัตถุ์อะไรก็ตามเรื่อง
ตามประสาผู้เฒ่า ท่านไปสรรหามาสารพัด กลับมาถึงบ้าน ท่านกินข้าวกินปลาของท่านเรียบร้อย
ประมาณ 2 ทุ่ม ท่านก็เข้าไปกราบแม่ เอาข้าวเอาของให้ คุยกับแม่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง พอสองทุ่มครึ่ง
แล้วค่อยลาแม่ บอกแม่นอนเถอะ แล้วตัวของท่านเองค่อยมาทำงานต่อ ทำงานที่แบกเอามาจากกระทรวง
นั่นแหละ 5 ทุ่มเที่ยงคืนถึงได้นอน ท่านทำของท่านอย่างนี้ จนกระทั่งแม่ละโลกจากไป
พอ
การที่คนในระดับเจ้ากระทรวง มีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานระดับนี้ แต่มีเวลาดูแลแม่ของท่าน
ทั้งเช้าทั้งเย็น แล้วปรนนิบัติอย่างดีเสียด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ แต่ท่านทำได้ บุคคลอย่างนี้จัดเป็น
บุคคลหาได้ยากทีเดียวในยุคปัจจุบัน แต่ก็มีอยู่หลาย ๆ ท่าน เท่าที่รู้จักขณะนี้ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ คือ ท่านอดีต
รองนายกรัฐมนตรี ถนัด คอมันต์ ท่านก็เป็นประเภทอย่างนี้เหมือนกัน
เคยมีครั้งหนึ่ง เมื่อคุณแม่ของท่านอายุ 93 ปี วันนั้นเป็นวันเกิดคุณแม่ของท่าน ท่านก็ให้คุณหญิง
ของท่านมานิมนต์ ตามธรรมดา อาตมาก็ไม่ค่อยชอบที่จะรับนิมนต์ไปบ้านใคร แต่เนื่องจากเมื่อเราเริ่มสร้าง
วัดพระธรรมกาย ขณะนั้นหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเจ้าอาวาสก็เพิ่งพรรษาแรก อาตมาเองก็ยังไม่ได้บวช
หลวงพ่อธัมมชโยก็ให้อาตมากับทีมงาน ไปบอกบุญท่านนั้นท่านนี้ ให้มาช่วยกันเป็นเจ้าภาพสร้างวัด ก็ปรากฏว่า
เขาไม่เชื่อ ในยุคนั้นเขาไม่เชื่อหรอกว่า เราจะสร้างวัดพระธรรมกาย เขาบอกไอ้ตี๋ที่ไหนก็ไม่รู้ มาหลอกเงินเขา
แล้วเอาพระหนุ่มมาอ้าง เขาว่ากันอย่างนี้ ก็ไม่รู้จะไปเถียงเขาว่ายังไง เรามีแต่ใจจริงจะสร้างวัด แต่ตอน
นั้นอาตมาอายุเพียง 28-29 ปี แต่ก็เป็นผู้มีอายุมากที่สุดในทีมงานฝ่ายชาย หลวงพ่อธัมมชโยตอนนั้น ท่านก็
เพิ่ง 24-25 เพราะฉะนั้น ไปบอกบุญใครเขาไม่เชื่อหรอก บอกไอ้ตี๋ใหญ่นี่จะมาหลอก ส่วนพระนี่ผิวพรรณ
ดีจังเลย สง่าราศีดี แต่ว่า อื้อ..... อีกกี่วันจะสึกก็ไม่รู้ แล้วเขาก็ไม่ทำบุญ ไม่ช่วยหรอก มีแต่ครอบครัว
ของท่านอดีตรองนายกฯ ถนัด คอมันต์ เท่านั้นที่ท่านเห็นแล้วท่านเชื่อ ท่านก็เลยมาสร้างแท็งค์น้ำไว้ ที่เรา
ใช้กันอยู่ทุกวันนี้แหละ มาสร้างโรงทานให้ เพราะท่านรู้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ท่านจึงรีบมาสร้าง
โรงทานให้ แล้วก็สร้างกุฏิให้อีก 4 หลัง ท่านรวมญาติของท่านมาช่วยกัน มาปักหลักให้
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงวันเกิดของคุณแม่ท่าน เราก็ไปกัน เห็นแล้วก็ชื่นใจ คุณแม่ของท่านอายุตอนนั้น
ก็ 90 กว่า แต่เป็น 90 กว่าชนิดที่ไม่หลง อาราธนาศีลเสียงจ๋อย ๆ เลย แล้วคุณหญิงของท่านก็เล่าให้ฟัง
บอกว่า ตัวของท่านรองนายกฯ เวลาจะไปต่างประเทศแต่ละครั้ง กราบแม่เสร็จแล้วค่อยไป พอกลับมาจาก
ต่างประเทศ สิ่งแรกที่ทำก็คือ กลับบ้านก่อน งานจะรีบด่วนยังไงก็กลับบ้านก่อน ไปกราบแม่ก่อน แล้วค่อย
ไปที่ทำงานต่อ ท่านบอกไม่งั้นมันห่วงไม่หาย นี่เขาทำตัวของเขาอย่างนี้เอง จึงได้เป็นบุคคลตัวอย่างของชาติ
ได้ตลอดมา
ๆ
เคยเจออีกท่านหนึ่ง เป็นผู้หญิงท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่แม่ท่านเสียแล้ว แม่ของท่านพออายุ 80 เดิน
เห็นก็ชักไม่ค่อยคล่อง มีอาการเซ ๆ ท่านสั่งนักสั่งหนาเลยเรื่องห้องน้ำ สั่งคนใช้เป็นคำขาดว่า ต้องตามเช็ด
ห้องน้ำให้แห้ง ท่านกลัวแม่จะลื่นในห้องน้ำ คนแก่ถ้าลื่นในห้องน้ำเดี๋ยวก็ตาย ล้มโครมศีรษะฟาดพื้นก็ตาย
แล้ว ท่านสั่งเฉียบขาดเลย แล้วตัวท่านเอง ถ้าไม่กำลังติดงานอะไรพัวพันจริง ๆ ท่านไม่ให้คนใช้พยุงแม่เข้า
23