ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตอนที่ 2. หัวอกแม่
พระคุณแม่ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว )
อาตมามีประสบการณ์อีกมากเกี่ยวกับพระคุณของแม่ ทั้งที่เป็นประวัติชีวิตส่วนตัว ทั้งที่ได้รู้ได้เห็นมา
ด้วยตนเอง และจากคำบอกเล่าที่เชื่อถือได้ แม้บางเรื่องจะเป็นความผิดพลาดแต่หนหลังของอาตมาเอง ก็ไม่
คิดปิดบัง จะนำมาเล่าเปิดเผยกันวันนี้ ขอเพียงให้ลูก ๆ ทั้งหลายฟังแล้วคิดถึงซาบซึ้งในพระคุณของแม่ จน
ต้องรีบกลับไปทดแทนพระคุณท่านโดยด่วน ก่อนที่จะสายเกินไปก็พอใจ
หนูแดงของแม่
ขอเตือนว่าลูกส่วนมากไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ทำงานทำการเป็นหลักแหล่งมี
ครอบครัวแล้ว มักจะลืมไปว่า ความรู้สึกนึกคิดของท่านผู้เฒ่าหรือของพ่อของแม่นั้น ไม่ว่าเราจะโตไปแค่ไหน
ก็ตาม ถ้าท่านยังอยู่ ท่านก็เห็นเราเป็นไอ้หนูแดงตัวเล็กของท่านอยู่วันยังค่ำ ความรู้สึกว่า เป็นพ่อเป็นแม่ของ
ท่านนี้ ฝังลึกเข้ากระดูกไปจนตายทีเดียว ลูก ๆ จะอยู่ในจิตในใจของท่านตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถึงแม้เรา
จะอายุ 40-50 แล้วก็ตามที ท่านก็ยังห่วงเราเหมือนเมื่อครั้งเรายังแบเบาะอยู่นั่นแหละ
มีอยู่คราวหนึ่ง อาตมากลับไปเยี่ยมบ้าน ไปเยี่ยมสองผู้เฒ่า ตอนนั้นก็ทำงานแล้ว อายุเกือบ 30 มี
ลูกน้องอยู่ใต้บังคับบัญชาก็หลายคน ก็ต้องถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คืนนั้นคุยกับโยมพ่อโยมแม่เสร็จสัก 4 ทุ่ม
ก็เข้านอน เนื่องจากเป็นหน้าร้อน อากาศค่อนข้าอบอ้าวก็เลยไม่ได้ห่มผ้า แต่ว่าก็ติดนิสัย โยมแม่สอนเอาไว้
ไม่ว่าอากาศจะร้อนเท่าไร เวลานอนต้องเอาผ้าห่มปิดอกปิดท้องไว้ เผื่อว่าตอนดึกอากาศหนาวจะได้พอประทัง
ท่านกลัวลูก ๆ จะเป็นหวัด จะปวดท้อง
ประมาณตีสอง พอดีอากาศเย็น ๆ รู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นโยมแม่กำลังห่มผ้าให้ ท่านรู้ว่าลูกคงไม่
ได้ห่มผ้า เพราะอากาศตอนหัวค่ำร้อน คงมีแต่ผ้าห่มปิดอกปิดท้องเท่านั้น จึงลุกขึ้นมาห่มผ้าให้ โธ่เอ๋ย...ลูกตัว
ยังกะช้าง เป็นหัวหน้าคน มีลูกน้องเกือบร้อย แม่ยังมองเห็นเราเป็นไอ้หนูแดงของแม่อยู่อีก ตอนนั้นไม่เข้า
ใจแม่ รู้สึกรำคาญว่า ผู้เฒ่านี่ช่างจุกจิกจู้จี้ไม่เข้าเรื่อง ก็เลยดูท่านไป "เฮ้อ แม่ไปนอนเถอะ จะมาห่วงอะไร
นักหนา โต ๆ กันแล้ว"
ๆ
ท่านก็ไม่พูดอะไร ห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้ว ท่านก็กลับไปนอน มีใครเจออย่างนี้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้า
เจอละก็ อย่าไปว่าท่านนะ เพราะว่าใจของท่าน เมื่อไหร่ ๆ เราก็ลูก ยิ่งจากไปนาน ๆ ยิ่งกังวลห่วงใยสารพัด
ชะเง้อคอคอยลูกทุกเมื่อเชื่อวัน พอเห็นหน้าเราท่านก็ชื่นใจ ทำอะไรให้เราก็ด้วยความรักความหวังดี อย่าไป
ทําให้ท่านน้อยใจเลย
คอยลูกมาพร้อมหน้า
เมื่ออาตมาเรียนอยู่ในระดับมัธยม ยังอยู่กับโยมพ่อโยมแม่ พี่ ๆ เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ พี่เรียนจบแล้ว
ก็ทำงานมีครอบครัวอยู่ในกรุงเทพฯ ปีหนึ่งจึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักครั้ง โดยเฉพาะวันปีใหม่ต้องกลับทุกปี
มีอยู่บางปี พี่สาวเกิดติดธุระไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านในวันปีใหม่ แล้วไม่ได้บอกล่วงหน้า โยมพ่อโยมแม่
ชะเง้อคอยาวเลย เห็นท่านชะเง้อคอยลูกแล้ว เล่นเอาใจแห้งเหมือนกัน ในชนบทสมัยนั้นไม่ค่อยมีรถยนต์วิ่ง
14