พระคุณแม่ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว) พระคุณแม่ เล่ม 1  หน้า 21
หน้าที่ 21 / 30

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เล่าถึงประสบการณ์ของผู้เขียนเกี่ยวกับการดูแลผู้เฒ่า โดยเฉพาะการรักษาความรู้สึกของท่านไม่ให้น้อยใจ ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุขัยและสุขภาพของท่านได้ ผู้เขียนยกตัวอย่างกรณีของผู้ที่ประสบปัญหาความน้อยใจมาแสดงถึงความสำคัญในการเยี่ยมเยียนและดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นว่าการส่งเงินให้ก็ไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือการให้ความรักและความเอาใจใส่ นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้กล่าวถึงประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับความน้อยใจของผู้สูงวัย โดยเนื้อหานี้มีประเด็นสำคัญที่สื่อให้เห็นถึงความรู้สึกและความต้องการของผู้สูงอายุในการมีครอบครัวที่ใส่ใจและให้ความรักอย่างแท้จริง

หัวข้อประเด็น

-การดูแลผู้สูงวัย
-ความสำคัญของการไม่ทำให้ผู้เฒ่าน้อยใจ
-ผลกระทบของความน้อยใจ
-การให้ความรักกับผู้สูงอายุ
-ประสบการณ์ในการดูแลผู้เฒ่า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระคุณแม่ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว ) ไปตายโรงพยาบาลน่ะ" เอ้า เป็นอย่างนั้นเสียอีก ตอนนั้นก็บวชพระแล้วท่านเป็นโยมพ่อเราเองก็เลยไม่ฟัง เสียง มาถึงขั้นนี้แล้ว ช้อนตัวท่านอุ้มขึ้นรถเลย ไปส่งโรงพยาบาล ไม่ฟังเสียงท่านทั้งนั้น ไปถึงโรงพยาบาล ให้หมอเขาตรวจ เขาเช็คเรียบร้อยแล้วก็บอกว่า ต้องอยู่โรงพยาบาลก่อนไม่ยอมให้กลับ แต่ท่านจะกลับให้ได้ ผลสุดท้าย อาตมาก็เลยต้องไปจำวัดอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย ไม่อย่างนั้นท่านไม่ยอมอยู่ ให้ใครไปอยู่ ด้วยก็ไม่เอาทั้งนั้น พี่คนไหน ญาติคนไหน ท่านไม่เอาด้วยทั้งนั้นแหละ ต้องให้พระลูกชายอยู่ด้วยถึงยอมอยู่ ชักใช้ไล่เรียงกันก็ได้ความว่า เมื่อตอนท่านเริ่มป่วย พี่สาวพูดกับท่านไม่เพราะ พูดไม่เพราะไป 2-3 คำ ก็ คงจะงานมากเหนื่อย ๆ ก็เลยพูดไม่เพราะไป ท่านน้อยใจเอาขนาดไม่กินข้าวกินปลา หยูกยาไม่กิน คิดจะ ตายท่าเดียว ก็ฝากพวกเราเอาไว้ ใครเลี้ยงดูผู้เฒ่าละก็จำไว้นะ ถึงผู้เฒ่าจะมีกำลังบุญพออยู่ได้นานอีกถึง 10 ปี 20 ปีก็ตาม แต่ถ้าน้อยใจแล้วตาย ใจเสาะเลยแหละ มันแพ้กันอยู่ อย่าให้น้อยใจได้เชียวนะ แค่น้อยใจว่าลูก หลานไม่อยากให้อยู่ก็อายุสั้นแล้ว หรือน้อยใจว่าลูกหลานไม่ให้ความเคารพ เดี๋ยวก็ตาย อยู่ไม่ยืดหรอก เพราะ ฉะนั้น ดูแลผู้เฒ่า ห้ามเด็ดขาดอย่าทำให้ท่านน้อยใจ ไปคราวนั้นดูแล้ว ถ้าอาตมาไปช้าสักวันหรือสองวันก็คงไม่กลับ เพราะคนเราลองว่า ข้าวไม่กิน น้ำไม่ดื่ม ยาขว้างทิ้ง 5-6 วันนี้ไม่ไหวแล้ว ไปอยู่ด้วยคราวนั้นประมาณอาทิตรย์หนึ่งค่อยฟื้น แล้วถึงได้รู้ ว่า อ๋อ...ไอ้อำนาจแห่งความน้อยใจของผู้เฒ่านี่ เอาเรื่องเชียว หาทางให้ท่านชื่นใจ ฟูใจ อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่ให้น้อยใจแล้ว ต้องหาทางให้ท่านชื่นใจ ฟูใจด้วย ทำได้เท่าไหร่ดีเท่านั้น แล้ว อายุท่านจะยืน ก็มีตัวอย่าง เจ้าของทรัสต์แห่งหนึ่ง ไม่ต้องเอ่ยชื่อท่านละนะ ท่านก็คนดังคนหนึ่งเหมือนกัน ท่าน เป็นลูกคนที่ 4 หรือที่ 5 ของคุณพ่อคุณแม่ พ่อแม่ของท่านพูดง่าย ๆ ก็มาจากจับกังเก่า แต่ว่าท่านตั้งฐานะ ได้จนกระทั่งเป็นเจ้าของทรัสต์ มาตั้งฐานะอยู่ในกรุงเทพฯ เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็เลยไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ที่อยู่ต่างจังหวัด วันหนึ่งกลับไปเยี่ยมบ้าน ไปเยี่ยมเตี้ย ไปเยี่ยมแม่ ปรากฏว่าที่บ้านมีเตี้ยกับแม่ 2 คนอยู่ ด้วยกัน มีคนใช้คนหนึ่ง ลูกกี่คน ๆ เข้ากรุงเทพฯ หมด ไม่ก็ย้ายไปทำมาหากินที่อื่น ตกลงผู้เฒ่าอยู่กับคนใช้ ลูก ๆ ไม่ได้มาดูหรอก มีแต่คนใช้ดู พวกนี้ให้คนใช้เลี้ยงเตี้ยเลี้ยงแม่ พอเจ้าของทรัสต์คนนี้กลับไปเยี่ยมบ้าน เห็นแม่กับเสี่ยสองผู้เฒ่านั่งตาลอย ๆ ใจลอย ๆ โทรม ๆ ก็เลย ถาม เพราะว่าเจ้าของทรัสต์นี่ส่งเงินมาให้เตี้ยกับแม่ใช้อยู่เป็นประจำ แต่ว่าไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมท่าน นึกว่า พี่ ๆ เขาดูปรากฏว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ไม่มีใครได้มาดูเลย ถามถึงพี่ ๆ น้อง ๆ ว่ามาเยี่ยมแม่เยี่ยมเตียบ้างหรือ เปล่า เสี่ยบอกว่าไม่เคยเห็นมันตั้งครึ่งค่อนปีแล้ว ถามเกี่ยว่า เขาติดธุระอะไรหรือ... เตียตอบว่า "จะไปรู้มันเต๊อะ เดี๋ยแก่แล้ว แม่แก่แล้ว จะไปมีความหมายอะไรเฮอะ มันยังอุตส่าห์เรียกเตี้ยเรียก แม่ก็ดีตายแล้ว จะไปเอาอะไรกับมัน" ผู้เฒ่าน้อยใจ ก็ได้ข้อคิดว่า การที่ใครส่งเงินส่งของไปให้พ่อแม่ใช้อย่างเดียวไม่พอนะ ยังดีที่เจ้าของทรัสต์ท่านนี้เป็น คนใช้ได้ทีเดียว บอกว่าขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ แม่กับเสี่ยคงจะอายุสั้น ท่านทำอย่าง ท่านก็วางหมากใหม่ 21
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More