ข้อความต้นฉบับในหน้า
จึงจะขอแสดงปฏิบัติธรรมเอาไว้ในส่วนนี้ได้เสียดายให้ใดเสียดายก่อน
เมื่อได้ประโยชน์ส่วนตนตรงนี้แล้ว ก็สามารถทำงานรับใช้หมดคุณต่อได้เต็มที่
พระพุทธองค์ไม่ไดจงจำคำลับทรงเสรีอุว่า "ดีแล้วอัตตตะกตะ" แล้วรัสสักภิทธีพานมาา
"ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดมีความเสน่หาในตัวเรา ผู้มีสมควรทำอย่างอัตตตะกตะ
เพราะว่าผู้ชารนายวยของหอมมิดอกไม้เป็นต้น ไมชื่อจูงเรา
ส่วนผู้ปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่น่า ชื่อว่าผู้ชารนายวยการบูชาอย่างยิ่ง" ทรงให้อภัยต่อไปว่า
"บุคคลไม่ควรพอรายประโยชน์ตนเพราะประโยชน์ผู้อื่นมาก
เมื่อรู้ประโยชน์ตนแล้ว พึงขวนขวายในประโยชน์ตน"
อัตตวรรควรรณา วรรคที่ ๑๒
อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก คือ
เมื่อดอนที่พระอสรัสดิให้ท่านกับมหาชลีปักชุท ให้พระนางรัทรไปปักพระอินทร์แปลง
พระองค์ถูกตำหนิน่า ใจร้าย ไม่รับผิดชอบต่อกุฏิสุข ชีวิตบ่ลบาน
ไม่สิ่งในหลักธรรม ก็จะดำเนินพระอสรัสดร แต่พวกมึงคนอยู่ในธรรมเขาสรรเสริญ แล้วยัง
มันถูกผิดยังไง เอาอะไรก็เป็นเครื่องตัดสิน
ก่อนที่จะตอบว่าผิดในตรนนี้ ก็ต้องมองเหตุการณ์ในปัจจุบัน
ในเหตุการณ์กองทัพมาจากแผ่นดินไทย การที่ทหารได้นคหนึ่งหรือทั้งกองทัพ
ตัดใจทิ้งลูกทั้งเมีย แถมทั้งพ่อแม่ก็แยกช้า เพื่อออกรบป้องกันประเทศ
การไรบครั้งนี้จะตายหรืออยู่ ตอบไม่ได้ ถามว่าหาทำสภาควรจะดูกำหนินไหม
แล้วถ้าเราเป็นทหารนั่น เราจะตัดสินใจอย่างไร เหมาะมีประจำ พม่า มีประติ ลาว มีประติ
มาเลเซียก็ประติ ประดิษฐ์รอบด้านเลย เองก็ได้ แม้ก็มีเมี่ยก็ท้องแก่
ลูกคนเล็กก็ยังนอนเปลอยู่จะปรับหรืออยู่บ้านดีกว่า หนักพิเล่สิได้ไหม!
เรื่องนี้ก็ต้องเอาส่วนรวมเป็นใหญ่ ยังไง ก็ต้องไปรบ ถ้าแพ้หรือตาย
ลูกเมียจะเป็นอย่างไรดีถึอไม่ ถ้าชนะ แม้ตัวเองตายแต่ก่าภพของเราชนะ
ลูกเมียพ่อแม่ยมอดแน่นอน
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปรบ แม้ทหารจะทิ้งพ่อแม่ลูกเมียหมด ก็ไม่มีใครดำหนิ
กลับสรรเสริญกว่า ที่เขาออกไปรบว่านั้น เขาไปรับทั้งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม
ประโยชน์ส่วนตนก็คือ ตัวของเขา ครอบครัวของเขาจะได้รับจากการตกเป็นเชลย