ข้อความต้นฉบับในหน้า
7. รู้จักบุคคล ตรงนี้ยิ่งกว่ากสุด ตลอดชีวิตของพระและนักสร้างบารมี ถ้าขาดความรู้ตรงนี้แล้วไม่มีสิทธิ์ที่จะคนจะสอน ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้คน คือเทคนิคจะดูคนไม่ออก ใช้คนก็ไม่เป็น หรือ แม้ที่สุดถ้าไปใกล้ชิดกันมาก็เสียไปด้วย ตัวเองก็เสียไปด้วย ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้จักบุคคลโดยส่วน ๒ หรือบุคคล ๒ จำพวก เป็นอย่างไรนั้น เรื่องนี้หลวงพ่อให้ความสนใจมากสุดเลย ท่านอธิบายว่า ในบรรดาคนทั้งหมดโลก มีแบ่งเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งต้องการเห็นพระอริยะ อีกพวกหนึ่งไม่ต้องการเห็นพระอริยะ พูดง่ายๆ บางคนอยากจะพบพระ บางคนไม่อยากพบ บุคคลที่ไม่ต้องการเห็นพระอริยะก็ถูกดีเดียนด้วยเหตุนี้ฯ ส่วนบุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะก็ได้รับความเสร็จสมบูรณ์ด้วยเหตุนี้ฯ คือพวกที่จะเห็นพระทิพวกหนึ่ง ไม่อยากเห็นพระก็พวกนั้น พวกที่อยากเห็นพระนั่นก็เสร็จสมบูรณ์ไป พวกไม่อยากเห็นพระนั่นก็เดิมยืนอยู่ยัง ก็ว่ากันไป ในบรรดาคนที่ต้องการเห็นพระอริยะ ก็ยังแบ่งเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งต้องการฟังธรรม อีกพวกหนึ่งไม่ต้องการฟังธรรม อยากเห็นและอยากฟังธรรมก็มี อยากเห็นแต่ไม่อยากฟังธรรมก็มี บุคคลผู้ต้องการฟังธรรมก็ถูกดีเดียนด้วยเหตุนี้ฯ บุคคลผู้ต้องการฟังก็ได้รับความสำเร็จด้วยเหตุนี้ฯ ในบรรดาคนที่ตั้งใจฟังธรรมยังออกเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งทรงจำ คือ ฟังแล้วจำได้เลย ทรงจำธรรมได้ อีกพวกหนึ่งไม่ทรงจำ ก็เลยไม่ใด้ มันก็อูๆ เถอะฯ ในบรรดาคนที่ฟังธรรมแล้วทรงจำจริงยังแบ่งออกเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งพิจารณาเนื้อความ อีกพวกหนึ่งไม่พิจารณาเนื้อความ จรรยามได้แล้ว พวกหนึ่งพอทรงจำธรรมได้ก็เอามาพิจารณา เอามาไตร่ตรอง แต่พวกหนึ่งทรงจำธรรมได้เหมือนกัน butไม่เอามาพิจารณา ยังไม่พบอีก ในบรรดาคนที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้แล้ว ยังแบ่งออกเป็นอีก ๒ จำพวก พวกหนึ่งเมื่อติจฉาจำแล้วก็ยังเอามาปฏิบัติตามสมควรแก่ตน แต่อีกพวกหนึ่งจึงแล้วก็เอาไว้เครๆ ไม่เอามาปฏิบัติ ในบรรดาคนที่ธรรมแล้วนำเอามาปฏิบัตินี้ ยังแบ่งออกเป็นอีก ๒ พวก พวกหนึ่งปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนเพียงลำพัง อีกพวกหนึ่งปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นด้วย คือพวกหนึ่งรู้แล้วปฏิบเฉพาะตัว อีกพวกหนึ่งแล้วปฏิบัต้วยสอนชาวบ้านด้วย ดูให้ดีนะ นี่เป็นการแยกประหลาดคนของพระพุทธองค์อย่างละเอียดจริง