ข้อความต้นฉบับในหน้า
แล้วก็ได้ เพราะในการคลอดท่าผิดปกติ ไม่ว่า
อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ วันนั้นเองที่แม่ได้ประจักษ์
ถึงคำพูดที่ว่า “วันเกิดลูกนั้นคล้ายวันตายแม่”
ตอนที่มีลูกคนแรก เมื่อเรากลับมาถึงบ้าน
ความโกลาหลก็เปิดฉากขึ้น ลำบากกว่าตอนที่ลูก
อยู่ในท้องเสียอีก ทั้งเรื่องการกินนม กินน้ำ นี่ อ
อาบน้ำ ทาแป้ง และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ของลูก ซึ่งล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับแม่ แม่
ได้รู้จักอะไรแปลก ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ไกรปวอเตอร์
มหาหิงค์ การจับลูกพาดบ่าให้เรอ ฯลฯ ตอนนั้น
แม่ยังเจ็บแผลมาก แต่พยายามปรับตัวทำทุกอย่าง
ให้ดีเพื่อให้ลูกมีความสุขที่สุด อะไรที่เป็นความสุข
ของลูกแม่ก็ทำให้ เป็นต้นว่าเอาลูกมานอนบนอก
แล้วร้องเพลงให้ฟัง ทั้ง ๆ ที่เสียงแม่ไม่คล้ายนักร้อง
เลยสักนิด แต่ลูกแม่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข ภาพนี้แม่
ไม่เคยลืมและแม่ยังคงจำเพลงนั้นได้ เวลาฝนตก
แม่ก็อุ้มลูกไปดูฝนแรกของชีวิต แม่ยังสอนอะไรให้
ลูกอีกตั้งหลายอย่าง เช่น สอนให้กินน้ำส้ม กิน
กล้วย กินข้าวบดผสมแกงจืดตำลึง หัดให้ลูกกิน
ผัก สอนให้รู้จักปู่ ย่า ตา ยาย และสอนให้รู้จัก
สิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ รถ เครื่องบิน
หนังสือ นาฬิกา แมว นก ไก่ ฯลฯ
ไม่เพียงแต่แม่เท่านั้นที่สอนให้ลูกได้เรียนรู้
แต่ลูกก็สอนให้แม่ได้รู้จักกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย
เมื่อมีลูกแม่เปลี่ยนจากคนที่ไม่เคยรักเด็ก กลาย
เป็นคนที่มีความรักเผื่อแผ่ไปยังเด็กคนอื่น ๆ จาก
คนที่มีความอดทนน้อย ก็มีความอดทนมากขึ้น
จากคนที่เคยท้อแท้ ก็กลายมาเป็นนักสู้ชีวิต ฯลฯ
แม่ดีใจนะที่เราได้มาเป็นเพื่อนแท้ของกันและกัน
ได้มาจูงมือกันเดินไปบนโลกใบนี้ และดีใจที่ลูก
ทำให้แม่เติบโตขึ้นในหลาย ๆ ด้าน มีความเข้าใจ
ชีวิตมากขึ้น แม่สำนึกในสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ
ภายในเวลาไม่กี่ปี ลูกเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และ
มีพัฒนาการมากมาย จากเด็กตัวน้อยที่ช่วยตัวเอง
ไม่ได้ ทำได้แค่หายใจ ร้องไห้ ดิ้นไปดิ้นมา เวลา
หรือออกมาถ้าไม่มีใครช่วยจัดการลูกก็ต้องนอน
อยู่อย่างนั้น ลูกแม่ค่อย ๆ โตขึ้นและเก่งขึ้น
คลานได้ นั่งได้ เดินได้ เรียกแม่ได้ นับเลข ๑-๓ ได้
ลูกแม่เก่งจริง ๆ ตอนนี้บ้านของเราไม่เงียบเหงาแล้ว
ๆ