ข้อความต้นฉบับในหน้า
เข้าขั้นอลหม่านทีเดียว ตอนนั้นแม่เหนื่อยมาก ๆ
แต่ ณ วันนี้แม่มักหวนคิดถึงวันเวลาเหล่านั้น
กว่าลูกจะโต แม้ว่าแม่จะพยายามทำให้ลูก
มีความสุข แต่ยังมีบางวันที่พวกเราต้องเจอความ
ทุกข์ร่วมกัน เช่น เมื่อความเจ็บป่วยมาเยือน มีอยู่
วันหนึ่งลูก ๒ คนป่วยพร้อมกัน แม่ต้องกระโดด
ไปมาระหว่างเตียง ๒ เตียง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
คอยเช็ดตัวให้ลูก คอยห่มผ้าให้ คอยระวังว่าน้ำ
เกลือจะไม่หยุด เวลาพยาบาลมาฉีดยา เห็นลูก
ร้องไห้แม่ก็ร้องไห้ตาม ลูกป่วยทีไรกว่าจะหาย
แม่สะบักสะบอมทั้งใจทั้งกาย
เมื่อลูกโตขึ้น แม่ยังคงพยายามจะให้สิ่งที่ดี
มากขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่แม่ก็ให้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่
จะทําได้
วันนี้แม้ลูกของแม่เติบใหญ่แล้วและสามารถ
ทำทุกสิ่งได้ด้วยตนเอง และอาจห่างเหินแม่ไปบ้าง
ในบางคราวตามภาระหน้าที่ แต่ความรักความ
ห่วงใยของแม่มิได้ลดลง กลับมากขึ้นตามเวลา
ที่ผ่านไป นั่นคงเป็นเพราะ “ความรักเกิดจาก
สัญชาตญาณ แต่ความผูกพันเกิดจากกาลเวลา”
ในขณะที่ลูกกำลังมีชีวิตที่ดีงามและมีวันเวลา
ในอนาคตอีกยาวไกล ตะเกียงแห่งชีวิตของแม่ก็
ค่อย ริบหรี่ลง และสักวันหนึ่งจะต้องดับไป
ๆ
เป็นธรรมดา แต่ความรักของแม่ไม่มีวันตาย จะคง
ที่สุดตามวัยของลูก ทั้งด้านวัตถุและจิตใจ วันที่ลูก อยู่นิรันดร แม่เฝ้าคิดว่าอะไรหนอ? คือ สิ่งที่ดีที่สุด
โตพอที่จะเข้าโรงเรียน แม่พาลูกไปเข้าโรงเรียน
อนุบาลที่เลือกแล้วว่าดีและเหมาะสมที่สุด ต่อด้วย
โรงเรียนประถม ลุ้นเข้าเรียนมัธยม จนกระทั่งลูก
ได้เข้ามหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพิ่ม