ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต่ำกว่า ๑.๕
ตั้งเยอะ มีสิทธิ์ถูกรีไทร์สูงมาก ถ้าเทอม ๒ ไม่รีบ
แก้ตัว เอาเกรดเฉลี่ยดึงขึ้นมาให้ได้จะต้องเสร็จ
แน่นอน เขาเลยหยุดการเล่นทุกอย่าง แล้วกลับเข้า
ห้องเรียนและทุ่มเทให้การเรียนเต็มที่ เทอม ๒ ได้
เกรด ๓.๔ รวม ๒ เทอม เฉลี่ยกันแล้วได้ประมาณ
๒.๑ ก็พอรอดตัวไปได้ พ้นรีไทร์ พ้นโปรเบชั่น นี้
เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หวาดเสียวมาก
เกรดเทอมแรกออกมา ๐.๗
ถ้าใครเจอเทอมแรก ๐.๗ แล้วช็อก เทอม ๒
ยังช็อกต่อ ก็คงจะถูกรีไทร์ให้ออกจากมหาวิทยาลัย
อนาคตเปลี่ยนไปหมดเลย จากที่ภูมิใจเข้าวิศวะฯ
จุฬาฯ ได้เพียงปีเดียวทุกอย่างเหมือนตกจากฟากฟ้า
ลงมาที่พื้น ไม่เหลืออะไรเลย
เพราะฉะนั้น ขอฝากน้องใหม่หรือแม้พี่เก่า
บางคนก็ตาม อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอย่าเพลินเกินไป
ตอนนี้ถือว่าเราโตแล้วไม่มีครูบาอาจารย์มาจี้จำไช
เหมือนสมัยอยู่ประถม มัธยม เราจะต้องจำไซ
ตัวเอง ต้องรับผิดชอบตัวเอง ต้องมีวินัยในการศึกษา
เล่าเรียน ถึงเวลาเรียนก็เรียน ถึงคราวว่างจะเล่นก็
เล่น รับผิดชอบตัวเองให้ได้ แยกให้ออก
แต่มีประสบการณ์ที่เคยเจอมาด้วยตัวเอง คือ
ๆ
นิสิตนักศึกษาชมรมพุทธฯ จะมีลักษณะแปลกจาก
คนอื่น ๆ นิดหนึ่ง ถ้าหากเป็นนิสิตนักศึกษาทั่วไป
ๆ
คนไหนที่ชอบโดดเรียนจนติดเป็นนิสัย เกรดก็มัก
จะรั้งท้ายปลายแถว หนึ่งกว่า ๆ สองนิด ๆ แล้ว
มักจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ แต่ของนิสิตนักศึกษา
ชมรมพุทธฯ จะไม่ใช่ บางครั้งถ้าช่วงที่กิจกรรม
กำลังหนักเต็มที่ เกรดอาจจะตกลงมานิดหนึ่ง แต่
ถ้าปลอดกิจกรรมเมื่อไร เกรดพร้อมจะพุ่งขึ้นไปทันที
เพราะแม้จะมีช่วงขาดเรียนอยู่บ้าง ก็ไม่ใช่ขาดไป
เที่ยวเตร่เฮฮา แต่ไปช่วยกันทำงานที่สร้างสรรค์ ที่
เป็นประโยชน์แก่เพื่อนนิสิตนักศึกษาและเยาวชน
เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศ
ทันโลก ทันธรรม
อาตมาเองตอนเรียนอยู่ปี ๓ คณะแพทย์ฯ
จุฬาฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นปีแรกที่มีการจัด
นิทรรศการร่วมกันระหว่างชมรมพุทธศาสตร์ 5
สถาบัน โดยจัดที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชื่อ
นิทรรศการคนไทยต้องรู้ เนื่องจากเป็นครั้งแรกและ
เป็นนิทรรศการที่ใหญ่ต้องเตรียมงานมากถึง ๒
สัปดาห์เต็ม ๆ ตั้งแต่ช่วงเตรียมงานจนกระทั่งเสร็จ
งาน อาตมาไม่ได้เหยียบเท้าเข้าไปที่คณะแพทย์ฯ เลย
แม้แต่ก้าวเดียว เรียกว่าโดดเรียน ๒ สัปดาห์เต็ม ๆ
เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ แต่อาตมาก็ตัดใจ เพราะว่า
งานรออยู่ และมีความสำคัญมาก แล้วเราคำนวณ
ทุกอย่างเสร็จแล้วว่า อย่างไรการเรียนของเราก็ไปได้
ช่วง ๒ สัปดาห์นั้นไม่ห่วงเรียนเลย ไปลุยงานเต็มที่
ๆ
มีคนมาชมงานประมาณ ๓๐,000 คน ถือว่าประสบ
ความสำเร็จมาก ถึงเวลาประชุมสรุปงาน พอแนะนำ
ตัวเสร็จเรียบร้อย นักศึกษาชมรมพุทธฯ รามคำแหง
หลายคนแปลกใจ นึกว่าอาตมาก็เป็นนักศึกษา
รามคำแหงด้วย เพราะเห็นขลุกอยู่ด้วยกันตลอด
พอบอกว่ามาจากจุฬาฯ เขาก็แปลกใจ
แต่พอเสร็จงานแล้ว เก็บงานเรียบร้อยก็กลับ
เข้าห้องเรียน เหลือเวลาอีก ๗ วัน จะสอบมิดเทอม
๗
ก็ไปยืมสมุดเพื่อนมาถ่ายเอกสาร ชอร์ตโน้ตที่อาจารย์
เลกเชอร์เอาไว้ขอมาดูทั้งหมด รวบรวมหนังสือที่จะ
ต้องอ่านทั้งหมดว่ามีเท่าไร แล้ววางแผนว่า ๗ วันนี้
จะทำอย่างไร แล้วก็ไปสอบ เรียนอย่างนี้มาตลอด
ก็เลยไม่ได้เกียรตินิยม ได้เกรดแค่ ๓ กว่านิดหน่อย
แต่ไม่ถึงขั้นเกียรตินิยม แต่พอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้า
หากตอนอยู่วอร์ด กิจกรรมไม่หนักมากนัก คะแนน
ก็พร้อมจะพุ่งขึ้นมาท็อปได้เหมือนกัน ลักษณะของ
นิสิตนักศึกษาชมรมพุทธฯ จะเป็นอย่างนี้
แต่นั้นเป็นสมัยเมื่อ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว เป็นยุค
บุกเบิกของชมรมพุทธศาสตร์ คนช่วยงานยังไม่ค่อย
มาก เลยต้องรับงานหนัก เพราะกำลังขยายงานใหญ่