ประสบการณ์การเรียนและกิจกรรมของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2553 หน้า 73
หน้าที่ 73 / 108

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของนิสิตนักศึกษา ที่ต้องเรียนรู้ความรับผิดชอบและวินัยในการเรียน โดยการตัดสินใจเมื่อต้องเลือกทำกิจกรรมหรือเรียนจนถึงการพัฒนาตนเองเพื่อการศึกษา อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างในการให้กำลังใจกับผู้ที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย โดยมีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของการยังคงสามารถเรียนได้ดี แม้จะโดนเรียนช่วงการทำกิจกรรมที่สำคัญ และการวางแผนการทำงานหนักเพื่อดีขึ้น.

หัวข้อประเด็น

-การรับผิดชอบในการเรียน
-การเรียนและกิจกรรม
-ประสบการณ์นิสิต
-วินัยในการศึกษา
-การทำงานร่วมกันในชมรมพุทธฯ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ต่ำกว่า ๑.๕ ตั้งเยอะ มีสิทธิ์ถูกรีไทร์สูงมาก ถ้าเทอม ๒ ไม่รีบ แก้ตัว เอาเกรดเฉลี่ยดึงขึ้นมาให้ได้จะต้องเสร็จ แน่นอน เขาเลยหยุดการเล่นทุกอย่าง แล้วกลับเข้า ห้องเรียนและทุ่มเทให้การเรียนเต็มที่ เทอม ๒ ได้ เกรด ๓.๔ รวม ๒ เทอม เฉลี่ยกันแล้วได้ประมาณ ๒.๑ ก็พอรอดตัวไปได้ พ้นรีไทร์ พ้นโปรเบชั่น นี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หวาดเสียวมาก เกรดเทอมแรกออกมา ๐.๗ ถ้าใครเจอเทอมแรก ๐.๗ แล้วช็อก เทอม ๒ ยังช็อกต่อ ก็คงจะถูกรีไทร์ให้ออกจากมหาวิทยาลัย อนาคตเปลี่ยนไปหมดเลย จากที่ภูมิใจเข้าวิศวะฯ จุฬาฯ ได้เพียงปีเดียวทุกอย่างเหมือนตกจากฟากฟ้า ลงมาที่พื้น ไม่เหลืออะไรเลย เพราะฉะนั้น ขอฝากน้องใหม่หรือแม้พี่เก่า บางคนก็ตาม อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอย่าเพลินเกินไป ตอนนี้ถือว่าเราโตแล้วไม่มีครูบาอาจารย์มาจี้จำไช เหมือนสมัยอยู่ประถม มัธยม เราจะต้องจำไซ ตัวเอง ต้องรับผิดชอบตัวเอง ต้องมีวินัยในการศึกษา เล่าเรียน ถึงเวลาเรียนก็เรียน ถึงคราวว่างจะเล่นก็ เล่น รับผิดชอบตัวเองให้ได้ แยกให้ออก แต่มีประสบการณ์ที่เคยเจอมาด้วยตัวเอง คือ ๆ นิสิตนักศึกษาชมรมพุทธฯ จะมีลักษณะแปลกจาก คนอื่น ๆ นิดหนึ่ง ถ้าหากเป็นนิสิตนักศึกษาทั่วไป ๆ คนไหนที่ชอบโดดเรียนจนติดเป็นนิสัย เกรดก็มัก จะรั้งท้ายปลายแถว หนึ่งกว่า ๆ สองนิด ๆ แล้ว มักจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ แต่ของนิสิตนักศึกษา ชมรมพุทธฯ จะไม่ใช่ บางครั้งถ้าช่วงที่กิจกรรม กำลังหนักเต็มที่ เกรดอาจจะตกลงมานิดหนึ่ง แต่ ถ้าปลอดกิจกรรมเมื่อไร เกรดพร้อมจะพุ่งขึ้นไปทันที เพราะแม้จะมีช่วงขาดเรียนอยู่บ้าง ก็ไม่ใช่ขาดไป เที่ยวเตร่เฮฮา แต่ไปช่วยกันทำงานที่สร้างสรรค์ ที่ เป็นประโยชน์แก่เพื่อนนิสิตนักศึกษาและเยาวชน เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศ ทันโลก ทันธรรม อาตมาเองตอนเรียนอยู่ปี ๓ คณะแพทย์ฯ จุฬาฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นปีแรกที่มีการจัด นิทรรศการร่วมกันระหว่างชมรมพุทธศาสตร์ 5 สถาบัน โดยจัดที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชื่อ นิทรรศการคนไทยต้องรู้ เนื่องจากเป็นครั้งแรกและ เป็นนิทรรศการที่ใหญ่ต้องเตรียมงานมากถึง ๒ สัปดาห์เต็ม ๆ ตั้งแต่ช่วงเตรียมงานจนกระทั่งเสร็จ งาน อาตมาไม่ได้เหยียบเท้าเข้าไปที่คณะแพทย์ฯ เลย แม้แต่ก้าวเดียว เรียกว่าโดดเรียน ๒ สัปดาห์เต็ม ๆ เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ แต่อาตมาก็ตัดใจ เพราะว่า งานรออยู่ และมีความสำคัญมาก แล้วเราคำนวณ ทุกอย่างเสร็จแล้วว่า อย่างไรการเรียนของเราก็ไปได้ ช่วง ๒ สัปดาห์นั้นไม่ห่วงเรียนเลย ไปลุยงานเต็มที่ ๆ มีคนมาชมงานประมาณ ๓๐,000 คน ถือว่าประสบ ความสำเร็จมาก ถึงเวลาประชุมสรุปงาน พอแนะนำ ตัวเสร็จเรียบร้อย นักศึกษาชมรมพุทธฯ รามคำแหง หลายคนแปลกใจ นึกว่าอาตมาก็เป็นนักศึกษา รามคำแหงด้วย เพราะเห็นขลุกอยู่ด้วยกันตลอด พอบอกว่ามาจากจุฬาฯ เขาก็แปลกใจ แต่พอเสร็จงานแล้ว เก็บงานเรียบร้อยก็กลับ เข้าห้องเรียน เหลือเวลาอีก ๗ วัน จะสอบมิดเทอม ๗ ก็ไปยืมสมุดเพื่อนมาถ่ายเอกสาร ชอร์ตโน้ตที่อาจารย์ เลกเชอร์เอาไว้ขอมาดูทั้งหมด รวบรวมหนังสือที่จะ ต้องอ่านทั้งหมดว่ามีเท่าไร แล้ววางแผนว่า ๗ วันนี้ จะทำอย่างไร แล้วก็ไปสอบ เรียนอย่างนี้มาตลอด ก็เลยไม่ได้เกียรตินิยม ได้เกรดแค่ ๓ กว่านิดหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นเกียรตินิยม แต่พอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้า หากตอนอยู่วอร์ด กิจกรรมไม่หนักมากนัก คะแนน ก็พร้อมจะพุ่งขึ้นมาท็อปได้เหมือนกัน ลักษณะของ นิสิตนักศึกษาชมรมพุทธฯ จะเป็นอย่างนี้ แต่นั้นเป็นสมัยเมื่อ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว เป็นยุค บุกเบิกของชมรมพุทธศาสตร์ คนช่วยงานยังไม่ค่อย มาก เลยต้องรับงานหนัก เพราะกำลังขยายงานใหญ่
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More